ศรีตรัง'คาดราคายางทรุด2ปีลุ้นเศรษฐกิจโลกดึงอุปสงค์ฟื้น
"ศรีตรัง" คาดราคายางพาราตลาดโลกซึม ต่อเนื่องอีก 2 ปี หลังปริมาณการผลิตยัง สูงกว่าความต้องการใช้ 2% หวังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช่วยหนุนความต้องการใช้ในอนาคต แต่มั่นใจบริษัทยังมีกำไรต่อเนื่อง จากการ คุมต้นทุนการผลิต ด้านผู้บริหารทยอยเก็บหุ้นตั้งแต่ปี 2557 รวมกว่า 135 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 12.5-13.5 บาท
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) STA เปิดเผยว่า แนวโน้มราคายางพาราในตลาดโลกน่าจะทรงตัวในระดับต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากปริมาณการผลิตยังเติบโตสูงกว่าปริมาณความต้องการใช้ต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ปริมาณความต้องการใช้เติบโตปีละ 2% แต่ปริมาณการผลิตยังเติบโตปีละ 4%และในช่วงนี้บริษัทยังไม่เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวของราคายางพาราแต่อย่าง ใด
"ขณะนี้ยังไม่มีตัวกระตุ้นใดๆ ที่น่าจะทำให้ราคายางพาราปรับตัวขึ้นได้ และใน ปีหน้าราคายางพาราก็อาจจะชะลอตัวลงได้อีกเช่นกัน หากพิจารณาจากอุปสงค์และอุปทานในปัจจุบัน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าในระยะนี้ไม่ได้มองว่าราคายางพาราควรจะมีจุดที่เหมาะสม ที่ระดับราคาใด แต่คงต้องพิจารณาอุปสงค์และอุปทานเป็นหลัก หากอยู่ในจุดสมดุลจะช่วยให้อุตสาหกรรมกลับมาอยู่ในทิศทาง ที่ดี" นายวีรสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะช่วยให้ราคายางพารามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้คือ แนวโน้มของเศรษฐกิจโลก เพราะหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับมาอยู่ในภาวะปกติ จะช่วยให้ปริมาณความต้องการใช้ยางพาราสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในระหว่างนี้สิ่งสำคัญที่บริษัทสามารถดำเนินการได้คือการควบคุมเรื่องของ ต้นทุนการผลิต เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทไว้
"จะเห็นว่าแม้ราคายางพาราอยู่ในระดับต่ำ แต่บริษัทยังสามารถมีกำไรได้ ซึ่งหลักๆ เป็นผลจากการควบคุมต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพและเทคโนโลยีการผลิต การประหยัดพลังงาน การบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุน ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทจะไม่สต็อกสินค้า เอาไว้ล่วงหน้า และจะผลิตตามคำสั่งซื้อเท่านั้น"
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ ของ ผู้บริหาร (แบบ 59-2) ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันของบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) พบว่ามีผู้บริหารของบริษัท 2 ราย คือ นายไวยวุฒิ สินเจริญกุล และนายพอล สุเมธ ลี รายงานผลการซื้อหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงปี 2557 ผู้บริหารทั้ง 2 ราย ซื้อหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 9,782,900หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 13.47 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 131.77 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2558 ผู้บริหารทั้ง 2 ราย ซื้อหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 396,600 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 12.78 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5.06 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวีรสิทธิ์ มองว่า การเข้าไปซื้อหุ้นของผู้บริหารตามที่ได้รายงานแก่ ก.ล.ต. นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าศักยภาพของบริษัทที่ยังสามารถทำกำไรได้ แม้ราคายางพาราจะอยู่ในระดับต่ำ และอาจจะมองว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นราคาที่มีความเหมาะสมต่อการ เข้าลงทุน
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นศรีตรังตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน พบว่าราคามีการซื้อขายที่ระดับ 13 บาท ในช่วงต้นปี และปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 15.90 บาท เมื่อเดือน เม.ย. 2557 หลังจากนั้นราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 10.90 บาท เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 11.10-12.30 บาท ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคายางพาราตามราคาตลาดล่วงหน้าญี่ปุ่น เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาหุ้นของศรีตรัง โดยราคาปรับตัวลดลงจากระดับ 370 เยนต่อกิโลกรัม เมื่อต้นปี 2557 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 170 เยนต่อกิโลกรัม ในปัจจุบัน--จบ--
กรุงเทพธุรกิจ (Th)