ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558  (อ่าน 862 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 86765
    • ดูรายละเอียด
วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันพฤหัสบดีที่  17  กันยายน  พ.ศ. 2558
ปัจจัย[/t][/t]
[/t]
วิเคราะห์
1.สภาพภูมิอากาศ
 
- หย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเพรสชั่นหว่ามก๋อ (VAMCO) ยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกของไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทำให้บริเวณดังกล่าวและภาคใต้มีฝนตกเป็น บริเวณกว้าง   กับมีฝนตกหนักบางแห่งร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง
 
2.การใช้ยาง
 
- ภาวะเศรษฐกิจและดัชนีตลาดหุ้นจีนที่ย่ำแย่ส่งผลให้ชาวจีนถอยรถใหม่ป้ายแดง น้อยลง   และยอดขายเมื่อเดือนสิงหาคม ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นั่งโดยสารลดลงร้อยละ 3.4 เหลือ 1.42 ล้านคัน ซึ่งเกิดขึ้นหลังยอดขายที่ลดลงร้อยละ 6.6 ในเดือนกรกฎาคม   และร้อยละ 3.4 ในเดือนมิถุนายน เช่นเดียวกับยอดขาย โดยรวมของรถยนต์นั่งโดยสารและรถยนต์เชิงพาณิชย์เดือนสิงหาคมที่ลดลงร้อยละ 3.0   มาอยู่ที่ 1.66 ล้านคัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดรถยนต์จีนที่ใหญ่ที่สุดในโลกยอดขายเริ่มนิ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่หลายเมืองยังจำกัดสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถมากขึ้น เพื่อลดการจราจรที่คับคั่งและมลพิษในอากาศ
 
3.เศรษฐกิจโลก
 
- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับลดคาดการณ์   การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับร้อยละ 3.0 และปีหน้าสู่ระดับร้อยละ 3.6   ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือนมิถุนายน ที่ร้อยละ 3.1 และร้อยละ 3.8 ตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและบราซิล อย่างไรก็ดี OECD ปรับเพิ่มคาดการณ์ขยายตัวของสหรัฐฯ ในปีนี้สู่ระดับร้อยละ 2.4   จากร้อยละ 2.0 ในเดือนมิถุนายน
- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป   รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.1 ในเดือนสิงหาคม ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ร้อยละ 0.2 เนื่องจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน
- กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า   การลงทุนโดยตลาดในต่างประเทศ   (ODI) ประจำเดือนสิงหาคมของจีน ปรับตัวขึ้นร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบเป็นรายปีสู่ระดับ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลข ODI ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 เมื่อเทียบรายปี ส่วนการลงทุนโดยตลาดจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 เมื่อเทียบรายปี
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ   เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค   (CPI) ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนสิงหาคม เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม
 
4. อัตราแลกเปลี่ยน
 
-   เงินบาทอยู่ที่ 35.84 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่า 0.10 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
-   เงินเยนอยู่ที่ 120.41  เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ  อ่อนค่า 0.10 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
 
5.   ราคาน้ำมัน
 
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนตุลาคม ปิดตลาดที่ 47.15 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.56 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ   (EIA) เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ปรับลงอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์   ส่งมอบเดือนตุลาคม ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 49.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ   ลดลงอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว  ทั้งนี้สต๊อกน้ำมันดิบลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.9   ล้านบาร์เรล  ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
 
6.   การเก็งกำไร
 
- ราคาตลาด TOCOM ส่งมอบเดือนตุลาคม 2558 อยู่ที่ 163.6 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3.2 เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ 2559 อยู่ที่ 175.3 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 4.5 เยนต่อกิโลกรัม
- ราคาตลาด SICOM เปิดตลาดที่ 132.8   เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.8 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม
 
7. ข่าว
 
- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 62.0 ในเดือนกันยายน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2005 หรือในรอบ 10 ปี
- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์   (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของญี่ปุ่นลง 1   ขั้น สู่ระดับ A+ จาก AA- โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพหลังจากที่ปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจสำหรับอันดับความน่า เชื่อถือของญี่ปุ่นได้อ่อนแอลงในช่วง   3-4 ปีที่ผ่านมา
 
8. ข้อคิดเห็นของ ผู้ประกอบการ
 
- ราคายางปรับตัวสูงขึ้นได้จากสภาพอากาศที่มีฝนตกในหลายพื้นที่ปลูกยาง ทำให้ผลผลิตน้อยลง ซึ่งจะช่วยพยุงราคาไม่ให้ต่ำลงในภาวะที่เศรษฐกิจโลกซบเซาและผู้ซื้อระมัด ระวังและจำกัดในการซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยง
 
  แนวโน้ม ราคายางมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดโตเกียวและราคาน้ำมัน ประกอบกับการปรับตัวลงของตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ช่วยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 17 กันยายน นี้ รวมทั้งภาวะฝนตกหนักในหลายพื้นที่ปลูกยางของไทยทำให้อุปทานยางออกสู่ตลาด น้อยลง  อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขาย  เนื่องจากอุปสงค์ยางยังคงซบเซา เพราะโดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว

ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา
[/td][/tr][/table]