ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558  (อ่าน 807 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 86765
    • ดูรายละเอียด
วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันจันทร์ที่  31  สิงหาคม  พ.ศ. 2558
ปัจจัย[/t][/t]
[/t]
วิเคราะห์
1.   สภาพภูมิอากาศ
 
- บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ   
 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนร้อนละ 60 ของพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง

 
2.   การใช้ยาง
 
- บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นประสบกับความยากลำบากในการ กระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความลังเลที่จะซื้อรถยนต์ใหม่นับตั้งแต่การปรับขึ้น ภาษีการบริโภคเมื่อเดือนเมษายน   2557 และภาษีรถยนต์ขนาดเล็กในปีนี้ ทั้งนี้การผลิตรถยนต์ภายในประเทศของโตโยต้าในเดือนกรกฎาคม ลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบรายปี แตะ 297,492 คัน ขณะที่ฮอนด้ามีการผลิตลดลงร้อยละ 27.9 แตะที่   61,244 คัน ขณะที่โตโยต้ามียอดขายรถยนต์ในญี่ปุ่นทั้งหมด 137,366 คัน   ซึ่งลดลงร้อยละ 6.6 ขณะที่การส่งออกลดลงร้อยละ 12.6 แตะที่ 153,889 คัน
 
3.เศรษฐกิจโลก
 
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)   สาขาแดตแลนตา เปิดเผยว่าแบบจำลองการคาดการณ์ GDPNOW แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ   มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 1.2 ในไตรมาส 3 การขยายตัวที่ระดับร้อยละ 1.2 ถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับร้อยละ 1.4 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในภาคบริการในเดือน กรกฎาคม
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับร้อยละ   2.8 เทียบกับระดับร้อยละ 3.0 ชี้เป็นตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้มูดี้ส์
 
  • ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐฯ   ในปีหน้าที่ระดับร้อยละ 2.6 จากเดิมที่ร้อยละ 2.8 เพราะได้รับผลกระทบจาการแข็งค่าของดอลลาร์
  • มูดี้ส์คงคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีหน้าที่ระดับร้อยละ   2.0 แม้เผชิญวิกฤตการณ์หนี้กรีซ
  • ปรับลดคาดการณ์ GDP จีน ญี่ปุ่น   และเกาหลีใต้ จากการคาดการณ์ถึงภาวะซบเซาของการส่งออก
- ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน   ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขึ้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐฯประจำเดือนสิงหาคม ลดลงมากกว่าคาดที่ระดับ 91.9 โดยต่ำกว่า 92.9 ซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นของเดือนสิงหาคม   และต่ำกว่าระดับ 93.1 ของเดือนกรกฎาคม อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลต่ออภาวะผันผวนในตลาดหุ้นซึ่งเกี่ยวกับภาวะ เศรษฐกิจจีน
- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า   ความเชื่อมั่นในยูโรโซน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ในเดือนสิงหาคม จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ    ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจรายเดือนของ EC ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.2 ในเดือนสิงหาคม   จาก 104.0 ในเดือนกรกฎาคม
- รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า   ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของญี่ปุ่นทรงตัวในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 25 เดือนติดต่อกัน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน   รายงานว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนกรกฎาคม ปรับลงร้อยละ 2.9 เทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ที่ขยับลงเพียงร้อยละ 0.3
- ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงิน   6.0 หมื่นล้านหยวนเข้าสู่ระบบของธนาคารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผ่านปฏิบัติการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 ในเดือนกรฏาคม ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4
 
4. อัตราแลกเปลี่ยน
 
- เงินบาทอยู่ที่   35.87 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ อ่อนค่า 0.16 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
-   เงินเยนอยู่ที่ 121.19  เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ   อ่อนค่า 0.05 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
 
5.   ราคาน้ำมัน
 
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนตุลาคม ปิดตลาดที่ 45.22 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.66 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่สดใส เมื่อพิจารณาจาก GDP ไตรมาส 2   ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์   ส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 2.49  ดอลลาร์สหรัฐฯ   ปิดที่ 50.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
6.   การเก็งกำไร
 
- ราคาตลาด TOCOM ส่งมอบเดือนกันยายน   2558 อยู่ที่ 167.3 เยนต่อกิโลกรัม ลดลง 1.8 เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ 176.5 เยนต่อกิโลกรัม ลดลง 0.6 เยนต่อกิโลกรัม
- ราคาตลาด SICOM   เปิดตลาดที่ 129.6 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.3 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม
 
7. ข่าว
 
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่าราคาบ้านและยอดขายบ้านจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้จำนวนบ้านค้างสต๊อกปรับตัวลดลง โดยจากการสำรวจเมืองขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 70 เมืองในเดือนกรกฎาคม พบว่าราคาบ้านใหม่ใน 31 เมือง ได้ปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับ 27 เมืองในเดือนก่อนหน้า
 
8. ข้อคิดเห็นของ ผู้ประกอบการ
 
- ราคายางน่าจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงมาก เพราะในระยะนี้ยังคงซื้อเกินราคากันอย่างต่อเนื่องในสภาพที่ผู้ประกอบการ หลายรายขาดแคลนวัตถุดิบ   ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังคงเงียบทำให้ขายออกยาก
 
  แนวโน้ม ราคายางมีแนวโน้มทรงตัวหรือเปลี่ยนแปลงในช่วงแคบ ๆ ในทิศทางเดียวกับตลาดโตเกียว โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นและเงินบาทอ่อนค่า ประกอบกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างผันผวน ส่วนปัจจัยลบมาจากนักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนซึ่ง เป็นผู้ซื้อยางรายใหญ่ของโลก
 


ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา
[/td][/tr][/table]