ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558  (อ่าน 932 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 86765
    • ดูรายละเอียด

วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันอังคารที่  25  สิงหาคม  พ.ศ. 2558
ปัจจัย[/t][/t] [/t]

วิเคราะห์
1. สภาพภูมิอากาศ
 
- มรสุมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น   ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเกือบทั่วไป ร้อยละ 60 - 70 ของพื้นที่   ส่งผลกระทบต่อการกรีดยาง ส่วนภาคอื่น ๆ มีฝนร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่
 
2. การใช้ยาง
 
- รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาอนุญาตให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในการปลูก ยางและกาแฟ เพื่อต้องการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศมากขึ้น เพื่อช่วยให้อินเดียสามารถลดต้นทุนการนำเข้ายางและเพิ่มการส่งออกาแฟ โดยปีงบประมาณ   2557 - 2558 อินเดียนำเข้ายางธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 442,130 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี   2556 - 2557 ที่นำเข้า 360,263 ตัน และสูงกว่าปี 2555 - 2556 ที่นำเข้า 262,753   ตัน
 
3. เศรษฐกิจโลก
 
- เจ้าหน้าที่และที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทางการจีนอยู่ระหว่างพิจารณาอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคาร เพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศลดค่าเงินหยวน ขณะที่ตลาดเงินทั่วโลกต่างไม่มั่นใจว่าทางการจีนจะสามารถควบคุมผลกระทบที่ เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจจีนได้หรือไม่
- นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความคิดเห็นว่า การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีความยากลำบากยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานยังคงลดลง
- โกลด์แมน แซคส์   ปรับลดอัตราความน่าเชื่อถือตลาดหุ้นเกาหลีใต้ลงมาอยู่ที่ คงระดับการลงทุน (Market Weight) จากเดิมที่ เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Over Weight) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีใต้ยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลง
- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษเปิดเผยว่า เศรษฐกิจอังกฤษเสี่ยงที่จะได้รับแรงกดดัน ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นจีนลดลงอย่างหนัก เพราะความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศประจำเดือนกรกฎาคมปรับตัวสูงขึ้นสู่ ระดับ   +0.34 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ จาก 0.07 ในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ   จะขยายตัวต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
- นักวิเคราะห์บาร์เคลย์สเลื่อนคาดการณ์กำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกไปเป็นเดือนมีนาคม 2559 เนื่องจากคาดว่าเฟดจะพิจารณาถึงภาวะผันผวนของตลาดในระยะนี้ ซึ่งเกิดขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน
 
4. อัตราแลกเปลี่ยน
 
- เงินบาทอยู่ที่ 35.57 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 0.20   บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- เงินเยนอยู่ที่ 119.76 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น   1.11 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- เมื่อคืนนี้ (24 สิงหาคม 2558) ดอลล่าร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อคาดการณ์เกี่ยวกับการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ   (เฟด) ในปีนี้ โดยค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่   118.62 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ จาก 112.06 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สกุลเงินในภูมิภาคเอเซียต่างเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก ท่ามกลางความเสี่ยงจากหลายปัจจัยที่จุดชนวนขึ้นในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ทั้งในเรื่องความกังวลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีน การปรับลดลงของราคาน้ำมัน ความเปราะบางของแนวโน้มเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศในเอเชีย โดย
 
  • เงินริงกิตมาเลเซีย และเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย อ่อนค่าที่สุดในรอบ 17 ปี
  • เงินบาทไทย และเงินดอลล่าร์ไต้หวัน อ่อนค่าที่สุดในรอบกว่า 6 ปี
  • เงินดอลล่าร์สิงคโปร์ และเงินเปโซฟิลิปปินส์ อ่อนค่าที่สุดในรอบ 5 ปี
  • เงินหยวนจีน และเงินวอนเกาหลีใต้ อ่อนค่าที่สุดในรอบ 4 ปี
  • เงินดองเวียดนาม และเงินรูปีอินเดีย อ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 ปี
  • [/l][/l][/l][/l]
5. ราคาน้ำมัน
 
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนตุลาคมปิดตลาดที่ 38.24 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.20 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงาน ทั่วโลก- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์   (Brent)   ตลาดลอนดอนส่งมอบเดือนตุลาคม ปิดที่ 42.69ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.77 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 101,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย   31.51 ล้านบาร์เรลต่อวัน- โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ขณะนี้ตลาดน้ำมันโลกมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินอยู่   2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้- ประธานบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า น้ำมันจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า ขณะที่สต๊อคน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเขาคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในช่วง 32 -   34 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
 
6. การเก็งกำไร
 
- ราคา TOCOM ส่งมอบเดือนกันยายน อยู่ที่ 165.0 เยนต่อกิโลกรัม ลดลง   1.9 เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ 172.8 เยนต่อกิโลกรัม ลดลง 2.5 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ- ราคา SICOM เปิดตลาดที่ 132.7 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม   ลดลง 7.4 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม
 
7. ข่าว
 
- สัญญาซื้อขายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นล่วงหน้า ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ   (เฟด) ส่งสัญญาณว่า นักลงทุนมองว่ามีแนวโน้มเพียงร้อยละ 28 เท่านั้นที่เฟดจุปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าลดลงเกือบครึ่งจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
 
8.   ข้อคิดเห็นของผู้ประกอบการ
 
- ราคายางยังคงปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งยังไม่มีใครเชื่อว่าจะปรับลดลงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายในประเทศยังคงเกินราคาจริงอยู่ เพราะผู้ประกอบการหลายรายยังมีความต้องการซื้อจากภาวะที่ขาดแคลนวัตถุดิบมา ยาวนานตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้ราคาซื้อขายจริงปรับลดลงในอัตราที่ช้ากว่าราคาตลาดล่วงหน้ามาก
 
 
 
แนวโน้ม ราคายางมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากปัจจัยภายนอกไม่เอื้อต่อตลาดและราคายาง โดยเฉพาะตลาดล่วงหน้าโตเกียวปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี กอปรกับราคาน้ำมันปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 40 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีครึ่ง ประกอบกับเงินเยนแข็งค่าขึ้น และการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ยางทั่วโลก?
 

ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา[/t][/t][/t][/t][/t][/t]
[/list]
[/table][/tr][/table]