ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวด่วน หุ้นโรงแรมราศีจับ **ประกาศเลิกกฎอัยการศึก  (อ่าน 434 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84444
    • ดูรายละเอียด
หุ้นโรงแรมราศีจับ **ประกาศเลิกกฎอัยการศึก

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -1 เม.ย. 58 7:24: น.


หุ้นกลุ่มโรงแรมได้ประโยชน์เต็มหลังรัฐบาลประกาศใช้ มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก กูรูชี้เป็นปัจจัยบวกระยะสั้น ส่งผลให้ความต้องการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ด้านผู้ประกอบการระบุรอดูความชัดเจนผลที่จะเกิดขึ้น พร้อมยืนยัน ผลงานยังโตได้ เผยอัตราการเข้าพักอยู่ในระดับดี ด้านตลาดหุ้นไทยตอบรับฝรั่งซื้อสุทธิต่ออีกพันล้านบาท โบรกฯ คาดวันนี้หุ้นไทยบวกต่อแนวต้าน 1,510-1,520 จุด แนวรับ 1,497-1,490 แนะซื้อ MINT CENTEL ERW
**บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นคสช.ยกเลิกกฎอัยการศึก
           นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วย Sentiment ที่ดีจากต่างประเทศ กรณีแรงคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของจีน ด้วยการผ่อนปรนนโยบายด้านสินชื่อมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง ตลอดจนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในเส้นทางคมนาคมเส้นใหม่
          นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนภายในประเทศ ต่อสัญญาณการยกเลิกกฎอัยการศึก แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเข้ามาแทน และหลายฝ่ายกังวลถึงขอบเขตอำนาจในมาตรา 44 มองว่าโดยรวมแล้วไม่มีความแตกต่างจากเดิม ในแง่อำนาจสูงสุดอยู่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียงแต่ในมาตรา 44 อาจจะดูรุนแรงในบริบทของนิยามเท่านั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าอำนาจตามมาตรา 44นั้นจะถูกนำมาใช้ในทางสร้างสรรค์หรือไม่ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่หากนำมาใช้ในทางที่ผิด ก็จะย่อมส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนอย่างแน่นอน ??
          ขณะที่แรงกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยว่าฟื้นตัวได้ช้า แต่หลังจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) ที่ออกมาล่าสุดปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 23 เดือน จึงช่วยลดแรงกังวลต่อการฟื้นตัวได้บ้าง ซึ่งคาดว่าการฟื้นตัวจะเป็นไปในรูปแบบค่อย ๆ ฟื้นตัว??
          สำหรับวันนี้ (1 เม.ย.) คาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นต่อ ด้วยบรรยากาศที่ดีจากต่างประเทศ กรณีแรงคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม ตลอดจนการยกเลิกกฎอัยการศึก รวมถึงราคาน้ำมันโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ หลังจากปัญหาข้อพิพาทด้านนิวเคลียร์ในอิหร่านเริ่มดีขึ้น การแทรกแซงอิหร่านน้อยลง จะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันสูงขึ้น จะกดดันต่อราคาน้ำมันให้อยู่ระดับต่ำต่อไป ในระยะยาวแล้วจะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตของภาคเอกชนไทย
          ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง อาทิ CPALL-ROBINS และกลุ่มที่ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น อาทิ ERW-MONO-STA-QH
          พร้อมประเมินแนวรับ 1,497-1,490 จุด แนวต้าน 1,510-1,520 จุด

**ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โรงแรมรับประโยชน์ เลือก MINT เป็นหุ้น Top pick
          บล.ซีไอเอ็มบีไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากประเด็นข่าวการคาดการณ์การประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกของรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้หลายฝ่ายมีมุมมองเชิงบวก และมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะการเมืองในประเทศมากขึ้น โดยเราคาดว่าหากมีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกจริง จะส่งผลให้ความต้องการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น เราแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว โดยเราเลือก MINT เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 42 บาท เนื่องจากมีพอร์ตธุรกิจและทำเลที่กระจายความเสี่ยงได้ดี การบริหารจัดการเชิงรุกและการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ และราคาหุ้น MINT ในสัปดาห์ที่ผ่านมา -3% ยังไม่สะท้อนข่าวบวกดังกล่าว เหมือน CENTEL ที่ปรับตัวขึ้นมา 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

**CENTELยังแกร่งแนะนำซื้อ
          บล. ดีบีเอส วิคเคอร์สมีมุมมองว่า กำไรปี 58 ของ CENTELจะเติบโตแข็งแกร่ง ธุรกิจฟื้นตัวดีต่อใน 1Q58 ในช่วง 2M58 อัตราการเข้าพักของโรงแรมเพิ่มเป็น 85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 75% และ RevPar เพิ่มขึ้นได้ 7%YoY ส่วนธุรกิจอาหารมี SSSG ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้ง EBITDA Margin ของอาหารก็ดีขึ้นด้วย
          คาดอัตราการเข้าพักของโรงแรมจะเพิ่มเป็น 80.9% และ 83.2% ในปี 2558-2559 อัตราค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 3% และ 5% ตามลำดับ โดยมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมที่กรุงเทพ และมัลดีฟท์ (คิดเป็น 50% ของรายได้ของโรงแรม) ชดเชยกับการชะลอตัวของโรงแรมที่พัทยา (เพราะลูกค้ารัสเซียเข้ามาน้อยลง) มีการเปิดสาขาของอาหารเพิ่ม 31 แห่ง และ 44 แห่ง และ SSSG ขยับขึ้นเป็น 3.1% และ 3.9% จากสมมติฐานหลักดังกล่าวทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2558-2559 จะขยายตัว 35% และ 24% ตามลำดับ
          แนะนำซื้อ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 41.50 บาท (DCF) โดยระยะสั้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการฟื้นตัวและเติบโตที่ดีของภาคท่องเที่ยว และโอกาสที่คสช.จะยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกมีมากขึ้น ส่วนระยะยาวเป็นเรื่องของการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งบริษัทจะเน้นลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายฐานรายได้และความเสี่ยงทางธุรกิจให้มากขึ้น ความเสี่ยงหลัก คือ ปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจภายในซบเซากว่าที่คาด

**ERW ติดชาร์ตหุ้น Turn Around
          บล.เอเซียพลัส ประเมิน ERW ฟื้นตัวโดดเด่นอีกครั้งปี 2558 จะกลับมาสดใสหลังท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนให้โรงแรมมีการเข้าพักเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้เต็มปีจากโรงแรมใหม่ที่เปิดปีที่ผ่านมา รวมถึงแผนขายโรงแรมเข้า REIT จึงยังแนะนำซื้อ คาดกำไร 1Q58 โดดเด่นต่อเนื่องปี 2558 กลับมาฟื้นตัวโดดเด่น
          โดยงวด 1Q58 คาดสดใสต่อเนื่องจาก 4Q57 เนื่องจากได้อานิสงส์ของช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (Peak Season) เห็นได้จากอัตราการเข้าพักล่าสุดช่วง ม.ค.-ก.พ. 2558 ของโรงแรมในกลุ่มฯ (ไม่รวมโรงแรม HOPP INN ซึ่งเพิ่งเปิดและมีการเข้าพักต่ำ) เฉลี่ยอยู่ที่ 83% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเพิ่มขึ้น 30% เมื่อบวกกับจำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้น 1.4 พันห้องจากการเปิดโรงแรมใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ธุรกิจโรงแรมช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้เติบโตกว่า 40% yoy ขณะที่เบื้องต้นบริษัทประเมินรายได้โรงแรมงวด 1Q58 อย่างน้อย 1.42 พันล้านบาท เติบโตสูง 50% yoy และ 9% qoq ซึ่งระดับรายได้ดังกล่าวน่าจะผลักดันให้งวด 1Q58 มีกำไรปกติไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เทียบกับ 49 ล้านบาทในงวด 4Q57 และ 2 ล้านบาท ในงวด 1Q57ซื้อ
          กำหนด Fair Value อิง DCF-WACC 8.7% มูลค่าพื้นฐานปี 2558 ราคา 6.00 บาท มี upside 26% จึงยังคงแนะนำซื้อ สำหรับ ERW ที่จะเป็นหุ้น Turn Around ในปีนี้

**ผู้ประกอบการระบุรอดูความชัดเจนผลที่จะเกิดขึ้น
          นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของกลุ่มโรงแรมในเครือได้รับผลกระทบจาการประกาสใช้กฎอัยการศึกโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) น้อยมาก ขณะที่ปัจจุบันอัตราการเข้าพักขั้นต้นของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ระดับ 80-85% ของจำนวนห้องพัก ถือว่าอยู่ในระดับดี
          สำหรับการที่คสช. ยกเลิกกฎอัยการศึกและมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาแทน จำเป็นต้องรอดูความชัดเจนต่อไป หากมีนัยอาจต้องปรับเปลี่ยนหรือวางกลยุทธ์กันใหม่ คงต้องดูสถานการณ์ ทว่าเป้ารายได้ปีนี้ยังคงเป้าเดิม เติบโต 35% จากปีก่อน

**ต่างชาติซื้อสุทธิต่ออีกพันล้าน
          ผู้สื่อข่าวรายงาน ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ 31 มี.ค. ปิดที่ 1,505.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุด หรือ 0.63% .มีมูลค่าการซื้อขาย 35904.43 ล้านบาท.
          สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1031.77 ล้านบาท ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้าที่ซื้อเพียง 71.59 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 553.83 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 462.33 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,123.27 ล้านบาท




เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม  
                อีเมล์. reporter@efinancethai.com