?พาณิชย์?ยกระดับราคาพืชเศรษฐกิจ-ยัน?ข้าว-ยาง-ปาล์ม-ผลไม้?ราคาดี
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 19:17:27 น
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการติดตามสถานการณ์พืชเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิตและยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร โดยสินค้าเกษตรที่สำคัญมีราคาปรับสูงขึ้น โดย
ปาล์มน้ำมัน ปัจจุบันผลปาล์มจะออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น เดือนมีนาคม 2558 คาดว่าจะมีผลปาล์มออกสู่ตลาด 889,039 ตัน คิดเป็นน้ำมันดิบ 151,137 ตัน ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้า น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก แต่อย่างไรก็ตาม ได้ประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ความรู้และกำกับดูแลเกษตรกรให้ตัดผลปาล์มที่สุกเต็มที่ในช่วงเดือนที่เหมาะสมและมีคุณภาพในการจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการโรงงาน รวมทั้ง ได้จัดสัมมนาทุกภาคส่วน เพื่อนำความคิดเห็นมากำหนดแนวทางการดำเนินการให้เกิดความสมดุลของน้ำมันปาล์มทั้งระบบภายในเดือนมีนาคม 2558
ข้าว ได้ดำเนิน ?โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก? เพื่อเพิ่มทางเลือกและเกิดการแข่งขันกันรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร โดยมีเป้าหมาย 180 ครั้ง ใน 54 จังหวัด จัดไปแล้ว 135 ครั้ง 39 จังหวัด และจะจัดเพิ่มเติมในพื้นที่ข้าวออกสู่ตลาดมาก โดยในช่วงมีนาคม 2558 จะมีการจัดตลาดนัดในจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และนครปฐม ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกมีราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจำหน่าย ณ ความชื้น 15% วันที่ 10 มีนาคม 2558 ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 8,000-8,300 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 11,600 ? 13,000 และข้าวปทุมธานี ตันละ 9,000 ? 9,900 บาท
ยางพารา จากการลงนาม MOU ระหว่างบริษัท Tribeca Enterprise จำกัด และ บริษัท Apollo Tyres ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในการร่วมก่อตั้งผลิตยางรถยนต์ Apollo ในจังหวัดระยองเพื่อส่งออก ขณะนี้มีความคืบหน้าล่าสุด บริษัท Apollo Tyres ได้จ่ายเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินภายในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง (LK Rich) จำนวน 300 ไร่แล้ว และมีกำหนดจะเดินทางมาประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อจัดทำรังวัด และเตรียมหาบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงงานต่อไป คาดว่าจะใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตปีละมากกว่า 1 แสนตัน
ผลไม้ ได้เจรจาขายผลไม้ในต่างประเทศ ซึ่งผลจากการจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าผักและผลไม้เยือนประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ค้าอินโดนีเซียสั่งซื้อผลไม้สดของไทย มูลค่า 1,100,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35.530 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีก 6,170,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 199.291 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนในการเชิญคณะผู้แทนการค้าประเทศในอาเซียน จีน อินเดีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเยี่ยมสวนผลไม้ของไทยอีกด้วย
ที่มา matichon