อุปสงค์ยางโลกชะลอตัว คาดราคายางจะตกต่ำจนถึงปี 2563วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2015 เวลา 09:07 น.
ตามรายงานของสำนักข่าว Bloomberg, Hidde Smit อดีตเลขาธิการของของ IRSG กล่าวว่า อุปสงค์ยางธรรมชาติของโลกอาจจะชะลอตัวจนถึงปี 2559 เนื่องจากการใช้ยางของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกชะลอตัว ทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ยางทุกอย่าง ตั้งยางล้อจนถึงถุงมือที่ใช้ทางการแพทย์และถุงยางอนามัยลดลง
Smit คาดว่า อุปสงค์ยางจีนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ในปีหน้า แต่ชะลอลงจากปี 2558 และ 2557 ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 6 และร้อยละ 7.1 ตามลำดับ ราคายางในตลาดล่วงหน้าได้ปรับลดลงร้อยละ 75 จากปี 2554 เนื่องจากต้นยางในพื้นที่ปลูกทวีปเอเชียให้ผลผลิตน้ำยางเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับเศรษฐกิจจีนขยายตัวช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553
จากปัญหาราคายางที่ตกต่ำทำให้ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ประกอบด้วยประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียร่วมมือกันโดยพยายามที่จะยับยั้งอุปทานด้วยการจำกัดปริมาณการส่งออกและโค่นต้นยางเพื่อแก้ปัญหา
"ผมคาดว่าการบริโภคยางจีนจะยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องไปอีกในระยะสั้นนี้" Smit กล่าว ในขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของการปลูกยางใหม่จาก 2548 - 2554 จะส่งผลให้อุปทานของโลกเพิ่มขึ้น แต่การใช้จะเติบโตในอัตราที่ช้ากว่ามาก ราคายางที่ใช้ในการผลิตยางล้อในตลาดล่วงหน้าสิงคโปร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 มี.ค.) อยู่ที่ 1.427 ดอลลาร์ฯ ต่อกิโลกรัม ลดลงจากระดับราคาสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่อยู่ที่ 5.75 ดอลลาร์ฯ ต่อกิโลกรัม คาดว่าราคาอาจอยู่ที่ประมาณ 1.50-1.60 ดอลลาร์ฯ ต่อกิโลกรัม อย่างน้อยจนถึงปี 2563 และราคายางเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 2.54 ดอลลาร์ฯ ต่อกิโลกรัม
ทีมา
http://www.rubberworld.com, 25/03/2558