ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจดี โดย โอฬาร สุขเกษม  (อ่าน 754 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84580
    • ดูรายละเอียด
ผมเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจดี


วันอาทิตย์ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 21:00 น.   โอฬาร สุขเกษม



บางคนอาจจะตกใจที่ช่วงนี้ดูเศรษฐกิจไม่ดีเลย จนออกปากว่าเศรษฐกิจปีนี้คงไม่ถึงเป้าหมาย 4 % แน่ๆ แต่สำหรับผมมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจต้องดีกว่าปีที่แล้วแน่นอนครับ




    เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกของปี 2557 หรือ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีการปฏิวัติยึดอำนาจ เศรษฐกิจไทยถดถอยลงไปมาก กว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามา ก่อนจะบริหารเศรษฐกิจก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือนสำหรับเรื่องเร่งด่วน เป็นต้นว่า เข้ามาก็แก้ไขปัญหาปากท้องของชาวนาเสียก่อน ที่รัฐบาลก่อนหน้าไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนาตามโครงการรับจำนำ แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในขณะนั้น "สั่งจ่าย" ได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่รีบเร่งทำลงไปเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับชาวบ้าน




    ยางพารารัฐบาลก็ช่วยให้เกษตรกรพออยู่ได้ โดยชดเชยเงินให้มีส่วนต่างจากราคาต้นทุนโดยสูงกว่าประมาณกว่า 4 บาทต่อกิโลกรัม จะให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ยังยาก เนื่องจากราคายางพาราตลาดโลกร่วงลงมาตามราคาน้ำมัน เพราะการผลิตน้ำมันทำให้มียางเทียมออกสู่ตลาดในราคาต่ำ และยางเทียมใช้ทดแทนยางพาราได้




    การแก้ไขปัญหาหนึ่งที่น่าจะมีผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจก็คือ เรื่องการขอออกใบอนุญาตโรงงาน ที่สมัยก่อนนู้นก็ให้กันตามหลักตามเกณฑ์สบายๆ ต่อมามีการแก้ไขระเบียบกฎเกณฑ์ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะได้รับใบอนุญาตง่ายๆ ต้องเสียเวลาวิ่งเต้น ต้องคุยกันนาน แต่หลังยึดอำนาจแล้ว คสช.ก็ผ่า "คอขวด" เหล่านี้ ทำให้ไตรมาส 4 ปีที่แล้วเริ่มมีโรงงานรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา ซึ่งหลักการตั้งโรงงานนั้นผู้ได้รับอนุญาตจะต้องดำเนินการภายใน 3 เดือน ขณะนี้เราจะเห็นโรงงานใหม่ทยอยเริ่มดำเนินการกัน คาดว่าภายในสิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้จะมีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 50,000 คนขึ้นไป




    การบริหารเศรษฐกิจในภาพใหญ่นั้น เชื่อว่ารัฐบาลวางแผนเอาไว้หมดแล้ว แนะนำแผนนั้นสู่ภาคปฏิบัติอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 จะสังเกตได้ว่ามีการวางเป้าหมายการลงทุนจากภาครัฐอย่างชัดเจนว่าในแต่ละเดือนมีการลงทุนอะไร โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตั้งแต่สร้างถนนใหม่ ซ่อมสร้างถนนเดิม โครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนก็อย่างที่ทราบจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแล้ว การลงทุนในไทยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ได้หดตัวลงแต่อย่างใด  ด้านรองรับการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจเดียวกันในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 นั้น  กรมสรรพากรได้ออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงตลาดทุนไทยกับตลาดทุนในอาเซียน โดยยกเว้นภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ ให้กับนักลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามประเทศในตลาดหลักทรัพย์อาเซียน และให้บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศที่มีหุ้นจดทะเบียนใน 2 ตลาดหลักทรัพย์ สามารถเลือกหักภาษี 10% ณ ที่จ่ายได้โดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำ รวมถึงพัฒนาระบบชำระเงิน ได้เชื่อมโยงระบบเอทีเอ็มของไทยกับของประเทศมาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อให้บริการเบิกถอนเงินสดระหว่างประเทศแล้ว และจะพิจารณาแนวทางการโอนเงินกลับของแรงงานต่างด้าวผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาตอีกด้วย นอกจากนี้ประมาณเดือนมีนาคมที่จะถึง กระทรวงการคลังก็จะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องระบบศุลกากรผ่านแดน ปฏิรูปใหม่หมดทั้งนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการส่งข้อมูลและสื่อสารกับผู้ค้า การใช้แบบฟอร์มและหลักประกันเดียวกันทั้งภูมิภาคอาเซียนสำหรับสินค้าส่งผ่านประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการส่งออก




    นี่เป็นเพียงข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ (มุมดีๆ มีเยอะมากๆ ไม่ว่าราคาน้ำมันต่ำ เพิ่มเงินเดือนข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ฯลฯ)ที่ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วแน่ 
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,025  วันที่  8 - 11  กุมถาพันธ์  พ.ศ. 2558