ผู้เขียน หัวข้อ: หวั่นรัฐแบกภาระสต๊อกยางจนหลังแอ่น อ.ส.ย.เตรียมชง ครม.กำหนดวิธีขายให้ชัด  (อ่าน 901 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 84531
    • ดูรายละเอียด
หวั่นรัฐแบกภาระสต๊อกยางจนหลังแอ่น อ.ส.ย.เตรียมชง ครม.กำหนดวิธีขายให้ชัด


นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เปิดเผยว่า คาดว่าสัปดาห์นี้จะจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารกองทุนมูลภัณฑ์กันชน (บัฟเฟอร์ ฟันด์) ยางพาราได้แล้วเสร็จ พร้อมที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในสัปดาห์หน้า และคาดว่า อ.ส.ย.จะใช้เงินกองทุนฯก้อนแรกประมาณ 6,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าไปประมูลยางพาราในตลาดกลางได้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. เพื่อดึงราคายางพาราในประเทศขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ที่ กิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท


?หัวใจหลักของกองทุนมูลภัณฑ์กันชนก็คือ การซื้อมาและขายไป จะซื้อยางเข้ามากองไว้ในสต๊อกเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ ซึ่งในทางปฏิบัติการซื้อยางเข้ามาไม่ยากอยู่แล้ว แต่การขายยางออกไปหากไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนข้าราชการก็ไม่กล้าทำงาน เช่น กรณีที่ขายแล้วขาดทุนก็ไม่มีข้าราชการกล้าขาย และสุดท้ายยางก็จะกองในสต๊อกรัฐเป็นภาระการจัดการ และมีปัญหาการตลาดอีก ดังนั้น ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนรองรับการทำงาน โดยหลักที่จะเสนอ ครม.พิจารณาด้วยคือ การกำหนดปริมาณสต๊อกสูงสุด ที่จะต้องนำยางออกขาย เช่น เมื่อ อ.ส.ย.รับซื้อยางเข้ามาต่อเนื่องจนสต๊อกยางสะสมเพิ่มขึ้นถึง 20,000 ตัน ก็ให้สามารถนำออกขายในราคาตลาดได้ทันที?


สำหรับราคายางพาราในประเทศขณะนี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังรัฐบาลอนุมัติ 5 มาตรการกระตุ้นราคายาง แม้ว่ารัฐยังไม่เริ่มเข้าซื้อยางในตลาด สาเหตุเกิดจากพ่อค้าเร่งกว้านซื้อยางเพื่อเก็งกำไร ส่วนราคาประมูลยางพาราล่าสุด วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ตลาดกลางยางพาราสงขลา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ กก.ละ 51.35 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 37 สตางค์ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 54.95 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 75 สตางค์.


ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)