ผู้เขียน หัวข้อ: เลาะรั้วเกษตร : สินค้าเกษตรต้องแก้ทั้งระบบ  (อ่าน 823 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 83094
    • ดูรายละเอียด
เลาะรั้วเกษตร : สินค้าเกษตรต้องแก้ทั้งระบบ
เลาะรั้วเกษตรวันนี้ คงต้องแวะมาดูปัญหาเผือกร้อนของกระทรวงเกษตรฯ อย่างปัญหาเรื่องยางพาราตกต่ำ เห็นทีจะต้องตกยุค   เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างคลาสสิกของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ และรัฐบาลทุกสมัย  ไม่ว่าวันนี้รัฐบาลชุดไหน ใครจะไปใครจะมานั่งเป็นรัฐมนตรี หรือใครจะเข้ามารับผิดชอบ ปัญหาที่หนักหน่วงเรื่องหนึ่งก็คงหนีไม่พ้น เรื่องของปัญหาราคายางพารา แน่นอนครับเจ้านาย


ทันทีที่มีกระแสข่าว การเตรียมพร้อมก่อหวอด เคลื่อนไหวให้แก้ปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอันที่จริงปัญหาเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่หากเป็นเรื่องเก่าที่ถูกพักยก เมื่อคราวรัฐบาล ?ยิ่งเลอะ? ที่ถูกประท้วงให้รัฐบาลดังกล่าวเข้าไปแก้ปัญหาราคายาง แต่ยังไม่ทันแก้ปัญหา กับมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้กลุ่ม กปปส. ประท้วงขับไล่อันเกิดจากการบ้าอำนาจ ที่ดัน พรบ. นิรโทษกรรม เข้าสภา จนเป็นเหตุให้เกิดการประท้วงใหญ่และมีหลายเรื่องตามมาจนที่สุดต้องมีการรัฐ ประหารนั่นเอง


มาถึงวันที่มีนายกรัฐมนตรีชัดเจน   ชื่อ ?ประยุทธ์ จันทร์โอชา? ชาวสวนยางจึงเดินหน้า ขอให้ ท่านนายกฯ แก้ปัญหาราคายางเสียที  เพราะต้องทนกับยางราคาตกต่ำมานานหลายเดือน จากราคาที่ได้รับกว่ากิโลกรัมละ 120 บาท ในยุคเฟื้องฟู ขณะนี้ เหลือแค่ 55 บาทต่อกิโลกรัม   ซึ่งปัญหาเรื่องยาง ถือเป็นปัญหาเผือกร้อนที่กระทรวงเกษตรฯ อย่างท่าน ?ปลัดชวลิต ชูขจร? ค่อนข้างทำการบ้านมาดีทีเดียว เรียกข้อมูลเชิงลึกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มี ตั้งรับทำแผนแก้ ปัญหาทั้งระบบเสนอ คสช. เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา


ผลสรุปสุดท้าย คสช. อนุมัติงบประมาณ วงเงิน 5,938.25 ล้านบาท ภายใต้แผนพัฒนายางทั้งระบบ ระยะ 10 โดยมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น ให้อนุมัติงบกลางปี 2557 จำนวน 977.75 ล้านบาท เพื่อยกระดับราคายาง โดยเพิ่มสภาพคล่องของตลาด และเพิ่มมูลค่าคุณภาพผลผลิตรวมถึงส่งเสริมสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ผลิตภัณฑ์ยางพารา 15,000 ล้านบาท โดยหัวหน้า คสช.  เน้นย้ำถึงแผนพัฒนายางทั้งระบบให้ตั้งสถาบันวิจัยยางขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อดูแลพัฒนายกระดับเกษตรกรและยางพาราในอนาคต ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ส่วนเรื่องการระบายยางเจ้าปัญหา อีกกว่า 2.1 แสนตันในสต๊อก จะเร่งระบายในช่วงที่ยางออกสู่ตลาดโลกต่ำและต้องได้ราคาดีต่อประเทศเท่านั้น และไม่สนการคัดค้านของใครที่ต่อต้าน อ้างโน่นอ้างนี่ เพราะที่แท้มีข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการหากินกับผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวแทบทั้งสิ้นจึงจำเป็นต้องใช้ ความเด็ดขาดเดินหน้าแก้ปัญหายึดประโยชน์ชาติเป็นหลัก งานนี้ในระยะยาวเกษตรกรต้องรอพิสูจน์ผลงานกระทรวงเกษตรฯ ยุคที่ไม่มีนักการเมืองครอบงำจะจัดการได้ขนาดไหน
สุดท้ายปลายสัปดาห์นี้ ดูเรื่องที่เป็นเรื่องร้อนอีกเรื่องที่เพิ่งจบไป นั่นคือ เรื่องของลำไยที่สร้างความร้อนในให้กับท่านปลัดมาแล้ว งานนี้จึงมอบหมายให้ ?โอฬาร พิทักษ์? อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรโชว์ฝีมือบินด่วนขึ้นเชียงใหม่เรียกประชุมหน่วย งานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งโต๊ะเจรจามีฝ่ายทหาร กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกร ผู้ประกอบการ(ล้ง) เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ราคาลำไยในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือราคาลำไยดิ่งผิดปกติ ใช้กฎหมาย ก.พาณิชย์คุมราคารับซื้อลำไยหน้าโรงงาน เกรด AA ราคา 17 บาท/กก. ลำไยเกรด A ราคา 7  บาท/กก. และ ลำไยเกรด B ราคา 4 บาท/กก. ส่วนราคา ณ จุดร่อนอยู่ที่ เกรด AA ราคา 16 บาท/กก. เกรด A ราคา 6 บาท/กก. และ B ราคา 3  บาท/กก. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป จนสิ้นฤดูการ หากผู้ประกอบการหรือล้งไม่ดำเนินการตามประกาศตามที่ตกลงกันไว้ ก็จะมีความผิดตามกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีผลต้องโทษทางคดี หากตรวจสอบพบว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงการดำเนินการจริง งานนี้ถือเป็นอีกเรื่อง ที่กระทรวงเกษตรฯ ถือว่าทำการบ้านมาดี อีกเรื่องที่ต้องปรบมือให้ ครับ


ที่มา :  หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 30 สิงหาคม 2557)