วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
ปัจจัย
วิเคราะห์
1. สภาพภูมิอากาศ
- อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนตกกระจาย ประมาณร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่ เป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง
2. การใช้ยาง
- ประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ได้มีการปรับเป้าหมายตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ปี 2557 อยู่ที่ 2,200,000 คัน ลดลงจากเดิม 200,000 คัน หรือลดลงร้อยละ 10.46 และน้อยกว่าปี 2556 จำนวน 257,057 คัน โดยยังคงยอดผลิตเพื่อส่งออกไว้เท่าเดิมที่ 1,200,000 คัน
3. เศรษฐกิจโลก
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF.) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2557 สู่ร้อยละ 1.7 จากเดิมที่ร้อยละ 2.0 ขณะเดียวกันได้คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานของสหรัฐฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 6.4 ส่วนเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 1.8 และอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.1 ในปีนี้ เป็นร้อยละ 0.2 และ 1.2 ในอีก 2 ปีข้างหน้า
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เดือนมิถุนายนญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 8.22 แสนล้านเยน ทำสถิติขาดทุนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 24 โดยยอดส่งออกหดตัวลงร้อยละ 2.0 จากปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัวร้อยละ 8.4
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซนเดือนกรกฎาคมปรับตัวลดลงสู่ -8.4 จุด จาก-7.5 จุดในเดือนมิถุนายนียชีวิตแล้ว 660 ตลา
4. อัตราแลกเปลี่ยน
- เงินบาทอยู่ที่ 31.81 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.03 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- เงินเยนอยู่ที่ 101.56 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.17 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
5. ราคาน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนกันยายน ปิดตลาดที่ 103.12 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.73 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยสต๊อคน้ำมันดิบลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ชี้ให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยสต๊อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ส่งผลให้สต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2557 โดยสต๊อคน้ำมันดิบลดลงเกือบ 4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 371.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่คาดว่าจะลดลงประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล
6. การเก็งกำไร
- ราคาตลาด TOCOM ส่งมอบเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 193.8 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.3 เยนต่อกิโลกรัม และส่งมอบเดือนธันวาคม อยู่ที่ 203.2 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.6 เยนต่อกิโลกรัม
- ราคาตลาด SICOM เปิดตลาดที่ 199.5 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.2 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม
7. ข่าว
- หนังสือพิมพ์ซาอุดิ กาแซ๊ต เปิดเผยว่า ซาอุดิอาระเบียวางแผนเปิดตลาดหลักทรัพย์
แห่งใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนโดยตรงจากสถาบันการเงินต่างประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ถือเป็นหนึ่งในแผนปฏิรูปที่ทุกฝ่ายรอคอยมากที่สุดของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
- สถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในยูเครนที่เครื่องบินยูเครน 2 ลำถูกยิงตกใกล้เคียงบริเวณที่เครื่องบิน MH17 ของมาเลเซียถูกยิงตกเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกันอิสราเอลยังคงบุกโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้ว 660 ราย และบาดเจ็บกว่า 4,300 ราย อีกทั้งความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรต่อรัสเซียมากขึ้น
8. ข้อคิดเห็นของผู้ประกอบการ
- ราคายางค่อนข้างทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงได้อีกเล็กน้อย เพราะผู้ประกอบการบางส่วนเริ่มกังวลเกี่ยวกับภาวะขาดทุนสะสมจากการซื้อเกินราคาเพื่อสต๊อคไว้เก็งกำไร และลุ้นให้ราคายางปรับขึ้นมาตลอด แต่ก็ผิดหวัง จึงต้องชะลอการซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์
แนวโน้ม ราคายางมีแนวโน้มทรงตัวหรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในทิศทางเดียวกับตลาดล่วงหน้าโตเกียว เพราะยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นและอุปทานยางออกสู่ตลาดน้อย เนื่องจากพื้นที่ปลูกยางในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก ขณะเดียวกันราคายางก็ยังมีแรงกดดันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับร้อยละ 1.7 จากเดิมที่ร้อยละ 2.0 ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลง และญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลกที่รุนแรงมากขึ้น
ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา