ผู้เขียน หัวข้อ: สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เหตุการณ์เครื่องบินถูกยิงตกในยูเครนหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่ง  (อ่าน 559 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 85963
    • ดูรายละเอียด

สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เหตุการณ์เครื่องบินถูกยิงตกในยูเครนหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่ง




สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ประกอบกับเหตุการณ์เครื่องบินถูกยิงตกในยูเครนหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่ง


+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ แถลงเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียครั้งใหม่ หลังรัสเซียยังคงให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ทั้งการส่งมอบอาวุธและวางกำลังทหารใกล้เขตชายแดนยูเครน โดยมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ จะเป็นการระงับการทำธุรกรรมกับธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐบาลรัสเซีย ห้ามองค์กรทางธุรกิจขนาดใหญ่ 2 แห่ง เข้าไปทำธุรกิจในสหรัฐฯ รวมทั้ง บริษัทด้านพลังงาน และผู้ผลิตอาวุธอีกหลายแห่งด้วย  โดยบริษัทพลังงานของรัสเซีย 2 บริษัทที่โดนสหรัฐฯ คว่ำบาตร คือบริษัท Novatek ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่เป็นอันดับ 2 ของรัสเซีย และบริษัท Rosneft ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันดิบแห่งใหญ่ของรัสเซีย


+ นอกจากนี้ที่ประชุมผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ได้ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเช่นกัน โดยจะเปิดเผยรายละเอียดในปลายเดือนนี้ แต่เบื้องต้น ระบุว่าได้ระงับโครงการต่างๆ ที่มีในรัสเซีย


+ เกิดเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 295 คน  ถูกยิงตกที่เมืองชักตาร์สก์ แคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกของประเทศยูเครนติดประเทศรัสเซีย และเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างกองทัพยูเครนและกองกำลังติดอาวุธที่ฝักใฝ่รัสเซียมานานหลายเดือน เครื่องบินลำดังกล่าวบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีจุดหมายปลายทางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย


-  อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังถูกกดดันหลังแหล่งผลิตน้ำมันทางตอนใต้ของอิรักตั้งเป้าวางแผนการส่งออกน้ำมันดิบให้ได้ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนนี้ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณการส่งออกสูงสุดตั้งแต่ปี 2546ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินของประเทศอินเดียในเดือน ส.ค. ปรับตัวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ หลังมีแรงซื้อในตลาดน้อยลงกว่าอดีต อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากการที่โรงกลั่นในภูมิภาคกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งหลังการหยุดซ่อมบำรุง


ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในตะวันออกกลางตึงตัวเนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลสูงในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับอุปสงค์จากแอฟริกาตะวันออกที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ตัวเลขการผลิตน้ำมันดีเซลในญี่ปุ่นปรับลดลง 5% จากสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งส่งผลต่ออุปทานที่ลดลงยังเป็นปัจจัยหนุนราคาด้วย


ทิศทางราคาน้ำมันดิบ


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 98-105 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 105-111 เหรียญฯ


ปัจจัยที่น่าจับตามอง


ติดตามปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลิเบีย ภายหลังจากท่าขนส่งน้ำมันดิบ Ras ranuf และEs sider รวมไปถึงหลุมน้ำมันดิบ El sharara สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ยังคงมีความกังวลต่อประสิทธิภาพการกลับมาดำเนินการของท่าขนส่งและหลุมน้ำมันดิบดังกล่าวว่าอาจต้องการการซ่อมแซมเพิ่มเติม


ความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลอิรัก ที่ล่าสุดเหล่า ส.ส.ได้ลงมติเลือกนายซาลิม อัล-จูบูรี นั่งเก้าอี้ประธานสภา ก่อนที่จะเดินหน้าเลือกประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลในลำดับต่อไป โดยตลาดมีความหวังว่าการมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพของอิรักจะทำให้การจัดการกับกลุ่มกบฏหัวรุนแรงที่พยายามเข้ายึดหัวเมืองต่างๆ อยู่ขณะนี้มีประสิทธิภาพขึ้น


ผลการเจรจากรณีนิวเคลียร์ของอิหร่านที่มีกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยอิหร่านและนานาชาติยังคงมีความเห็นต่างในหลายกรณี อย่างไรก็ดี หากอิหร่านและนานาชาติสามารถประสานความร่วมมือในความเห็นที่แตกต่างได้ คาดว่าจะมีการผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน


จับตาปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ล่าสุดปรับลดลงถึง 7.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 375 ล้านบาร์เรล โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่โรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการกลั่นมาอยู่ที่ระดับสูงราวร้อยละ 98


ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 18 กรกฎาคม 2557)