ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: เมษายน 29, 2020, 05:23:46 PM »ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนพ.ค.63 เพิ่มขึ้นทุกรายการ เว้นยางพาราแนวโน้มลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพ.ค.63 โดยส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525 - 10,412 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.10-10.52% เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาทิ ประเทศอินเดียและเวียดนามมีมาตรการล็อกดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ประกอบกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลกอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าว จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,496 - 14,579 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.88 - 1.46% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศฮ่องกง เป็นผลจากความกังวลจากนโยบายปิดประเทศของเวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนชาวฮ่องกงมีการกักตุนข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,774 - 15,912 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.85 - 2.73% เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง และประเทศเวียดนามจำกัดโควตาในการส่งออกข้าวเหนียวเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.54 - 7.60 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.30 - 1% เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์
น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 10.24 - 10.73 เซนต์/ปอนด์ (7.35 - 7.70 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5-10% เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น
มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.75 - 1.80 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.57 - 3.45% เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น
ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 3.09 - 3.14 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.32 - 2.27% เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น
สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89 - 69.09 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.79 - 3.09% เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้สุกรเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว
กุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กก. ราคาอยู่ที่ 127 - 129 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.60-3.20% เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง มีเพียงยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 31.50 - 32.95 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน 0.60 - 4.98% เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ