ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2017, 04:26:13 PM »

ครม.เห็นชอบ 7 โครงการแก้ปัญหาราคายาง-มาตรการลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ 2 แสนตัน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 ธันวาคม 2560 15:53:35 น.
 
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ในการดำเนินการ 7 โครงการคือ โครงการสินเชื่อผู้ประกอบการยางตามมติ ครม.วันที่ 26 พ.ค.59 เพื่อขยายกำลังการผลิตหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิตให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์แปรรูปขั้นปลายน้ำ ซึ่ง ครม.เคยอนุมัติวงเงินสินเชื่อเอาไว้แล้ว 15,000 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาให้รับสมัครถึงเดือนกันยายน 2559 ซึ่งขณะนี้โครงการเหลือวงเงินอยู่ประมาณ 6,112 ล้านบาท จึงเห็นควรขยายเวลารับสมัครผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการจนถึงเดือนมิถุนายน 2561 โดยให้ดำเนินการตามเงื่อนไขเดิมตามมติ ครม.เดิม


2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อแปรรูปยางพาราให้กับสถาบันเกษตรกร ตามมติ ครม.วันที่ 26 ส.ค.2557 และ 21 ก.ค.2558 ซึ่งกำหนดวงเงินสินเชื่อไว้ 5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี รัฐช่วยชดเชยดอกเบี้ยให้ 3% และกองทุนพัฒนาสหกรณ์ช่วยสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกร 0.49% ต่อปี แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.สหกรณ์กำหนดให้กองทุนพัฒนาสหกรณ์สามารถช่วยสถานบันเกษตรกรได้เฉพาะในส่วนที่เป็นสถาบันประเภทสหกรณ์เท่านั้น ดังนั้นในส่วนของกลุ่มเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชน ไม่สามารถรับเงินอุดหนุนดอกเบี้ยจากกองทุนนี้ได้ ดังนั้น วันนี้จึงมีมติให้รัฐช่วยสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยให้กลุ่มเกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชนในอัตรา 0.49% แทนกองทุนพัฒนาสหกรณ์
 
ส่วนอีก 5 โครงการ วันนี้ ครม.อนุมัติในหลักการและให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ไปหารือกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรายละเอียด ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา 1 หมื่นล้านบาท ตามมติ ครม.วันที่ 13 มิ.ย.60 มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเบี้ยประกันในอัตรา 0.36% ต่อปี หรือ 36 ล้านบาทต่อปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 108 ล้านบาท ซึ่งเดิม ครม.ให้ใช้เงินจากกองทุนพัฒนายางพารา ซึ่งกยท.เห็นว่า ตามกฎหมาย กยท.ไม่สามารถดำเนินการได้ ทาง กนย.จึงเห็นควรเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติงบประมาณสนับสนุนค่าเบี้ยประกันแทน และขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเติมในส่วนของค่าบริหารโครงการ ในอัตรา 0.14% ต่อปี
 
โครงการต่อมา คือ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง หรือยางแห้ง วงเงินสินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาท เป้าหมายเพื่อดูดซับยาง 3.5 แสนตัน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนมกราคม 2561-ธันวาคม 2562 โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อปี, โครงการส่งเสริมการใช้ยางของภาครัฐ โดยที่ กยท.ได้สำรวจความต้องการใช้ยางพาราคาของ 7 กระทรวง เป้าหมาย 2 แสนตัน และจะใช้งบประมาณรับซื้อยางใหม่จากเกษตรกร 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการขอใช้งบกลาง, โครงการควบคุมปริมาณผลผลิต โดยจะลดพื้นที่ปลูกยางถาวร 2 แสนไร่ และลดพื้นที่การปลูกยางแบบชั่วคราวอีก 2 แสนไร่ รวมเป็น 4 แสนไร่ โดยใช้เงินกองทุนพัฒนายางพารา นอกจากนี้จะลดปริมาณผลผลิตของภาครัฐที่มีสวนยาง 1.21 แสนไร่ ทั้งในส่วนของกรมวิชาการเกษตร กยท. และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ใช้งบกลาง 303 ล้านบาท
 
และโครงการสุดท้ายคือจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายางพาราระหว่าง กยท. กับผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 บริษัท โดยมีเงินตั้งต้น 1,200 ล้านบาท ซึ่งมอบหมายให้ กยท.หารือกับทุกภาคส่วนให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะไปตั้งกองทุนต่อไป
 
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เนื่อจากปริมาณสต็อกน้ำมันปล์มดิบมีจำนวนมากกว่า 5 แสนตัน ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดจึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2 แสนตัน โดยลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 2 แสนตัน ภายในเดือนธันวาคม 2560 โดยให้ผู้ส่งออก โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เร่งส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 1 แสนตัน และให้กระทรวงพลังงาน ประสานผู้ค้าน้ำมันเพื่อซื้อน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตเป็นไบโอดีเซลเพื่อลดสต็อก จำนวน 1 แสนตัน นอกเหนือจากที่ให้ผู้ค้าน้ำมัน สำรองไว้เดิม
 
นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาให้การสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกการส่งออก เช่น การขนส่งน้ำมันปาล์มและเรือในการส่งออก ในส่วนการช่วยเหลือเกษกรรายย่อยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) หารือร่วมกับเกษตรกรและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม กำหนดแนวทางการช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่ดีขึ้น โดยเน้นการผลิตปาล์มคุณภาพ