ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2017, 08:48:05 PM »

ยางพาราถูก! ไม่คุ้มทุนจำใจขายเลี้ยงชีพ วอนรัฐพยุงราคาหาตลาดส่งออก
วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2560 เวลา 10.46 น. ที่มา แนวหน้า
อ้างถึง
http://www.naewna.com/local/274940
12 มิ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อย ที่อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์  ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือ กรณีราคายางพาราตกต่ำเพียงสัปดาห์เดียวทั้งยางแผ่นดิบและยางก้อนถ้วยล่วงลงถึงกว่ากิโลกรัมละกว่า 10 บาท โดยขณะนี้ยางแผ่นดิบอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 53 บาท  ยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 24-25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่อยู่ในจุดคุ้มทุน จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยพยุงหรือแทรกแซงราคา และหาตลาดส่งออก เพื่อให้ราคายางไม่ผันผวนตกต่ำมากไปกว่านี้  และจากราคายางที่ตกต่ำในช่วงนี้ ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายทั้งยางแผ่นดิบและยางก้อนถ้วย ตามจุดรับซื้อต่างๆค่อนข้างเงียบเหงา มีเกษตรกรนำยางมาขายบางตา เหลือเพียงเฉลี่ยวันละประมาณ 10 ตันเท่านั้น  จากก่อนหน้านี้ช่วงที่ราคาแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท และยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 34 บาท จะมีเกษตรกรนำมาขายไม่น้อยกว่าวันละ 30 ตัน   
 โดยสาเหตุที่เกษตรกรนำยางมาขายน้อยลง เนื่องจากต้องการชะลอราคายางให้สูงขึ้นกว่านี้ เพราะจากการคำนวณแล้วต้นทุนในการเพาะปลูกหรือผลิตยางแผ่นดิบจะต้องอยู่กิโลกรัมละ 60 บาท ดังนั้นจึงอยากรัฐบาลเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาไม่ให้ราคายางต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาทและไม่ผันผวนขึ้นลง เกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยจึงจะอยู่รอดได้ 
 นายสุเมธ แทนไธสง เกษตรกรผู้ปลูกยางบ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่นำยางก้อนถ้วยมาขายที่จุดซื้อ อ.แคนดง  บอกว่า ช่วงนี้ราคายางตกต่ำมากไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน แต่ที่จำใจนำมาขายเพราะจำเป็นต้องนำเงินไปเป็นค่าปุ๋ยและใช้จ่ายในครอบครัว และหากราคาตกต่ำลงต่อเนื่องปีนี้ก็ไม่รู้ขายยางได้คุ้มทุนหรือไม่ เพราะกว่าจะถึงอายุครบเปิดกรีดได้ต้องมีต้นทุนในการปลูกและบำรุงต้นยางมากว่า 7 ปี จึงสามารถเปิดกรีดได้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือชาวสวนยาง โดยการพยุงราคายางแผ่นไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท และยางก้อนถ้วยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 35 บาท
 เช่นเดียวกับนายธีรเดช ทองสม ผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยที่ อ.แคนดง ยอมรับว่า หลังราคาตกต่ำลงทำให้เกษตรกรนำยางมาขายลดลงมากกว่าครึ่ง เนื่องจากส่วนมากชะลอการกรีดเพื่อรอราคาให้สูงขึ้น และปัญหาราคายางที่ตกต่ำและผันผวนในช่วงนี้  นอกจากจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว ยังกระทบกับผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยด้วย เพราะไม่สามารถรับรู้ราคาล่วงหน้าได้ โดยช่วงที่รับซื้อมีราคาสูงแต่พอจะนำไปขายให้กับโรงงานแปรรูปกลับมีราคาตกต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องแบกรับภาระส่วนต่างที่หายไป  จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือพยุงราคาหรือหาตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น  เพื่อให้ราคายางสูงขึ้นและไม่ผันผวนตกต่ำลงอีก  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวสวนยางและผู้ประกอบการรายย่อยด้วย