ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กันยายน 17, 2015, 04:25:07 PM »ตัวแปรใหม่...ฉุด "ราคายาง"ดิ่งเหว
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 00:12 น.
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
จนถึงวันนี้สถานการณ์ราคายางในประเทศยังคงล้มลุกคลุกคลานหัวทิ่มตำไม่เห็น อนาคตเมื่อต้นปีราคาเคยพุ่งสูง 60 บาทกว่าต่อกิโลฯทุกวันนี้เหลือแค่ 40 กว่าบาท
อย่างที่รู้กัน ผลพวงมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ดิ่งเหวส่งผลให้ราคายางธรรมชาติดิ่งตามโดยอัตโนมัติ ผสมโรงกับยางแผ่นรมควันที่อยู่ในสต๊อกระบายไม่ออกเหลือบานเบอะ 3 แสนกว่าตัน
แต่ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้มีปัจจัยที่คาดไม่ถึง เป็นผลพวงมาจาก "พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย" ฉบับใหม่ประกาศใช้เมื่อ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้รวมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (กสย.) องค์การสวนยาง (อสย.) และสถาบันวิจัยยางบางส่วน เข้าด้วยกันในนาม "การยางแห่งประเทศไทย"
จนถึงวันนี้ยังวุ่นวาย ยังจัดโครงสร้างองค์กร จัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัว ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ตรงไหนหรืออีกนัยหนึ่งต้องบอกว่า ยังทะเลาะเรื่องตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ไม่เลิก
สถานการณ์ ในการยางฯ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจึงมีแต่ความวุ่นวายปั่นป่วน ไม่มีใครทำงาน ทุกอย่างนิ่งสนิท งานไม่เดิน หรือเดินก็ต่างคนต่างเดินทางใครทางมัน
มิหนำซ้ำหลังจาก "อำนวย ปะติเส" ต้องพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯ ก็ไม่มีใครมาดูแลแทน กลายเป็นช่วง "สุญญากาศ" จึงหาคนทุบโต๊ะไม่ได้
ส่วนผู้ว่าการยางฯ คนแรก "วีระศักดิ์ ขวัญเมือง" ก็ เป็นคนนอกมาจากกองทุนอ้อยและน้ำตาล เคยบริหารคนแค่ 10 กว่าคนแต่ต้องมาดูแลคนเกือบๆ 3 พันคน ประกอบกับธรรมชาติของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกับยางพารานั้นก็ต่างกันลิบลับ
จึงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ขณะที่โครงสร้างคณะกรรมการประกอบด้วย ข้าราชการถึง 7 คน แต่ละคนล้วนเป็นระดับบิ๊กๆ ไม่มีรู้เรื่องยางจริงๆ แถมไม่มีเวลามาดูแล ที่เหลือมาจากผู้ชำนาญการ 1 คน ผู้ประกอบการ 1 คน
แม้ จะมีผู้แทนเกษตรกรสวนยางอีก 5 คน แต่จะหวังพึ่งองค์กรชาวสวนยางมาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาเหมือนที่ผ่านๆ มาก็ลำบากเพราะก็โดนปิดปากจากพ.ร.บ.ใหม่ ที่มีเงินอุดหนุนให้กับสถาบันเกษตรกร 3% ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
กลายเป็นน้ำท่วมปาก พลังที่เคยเข้มแข็งก็กลายเป็นองค์กรที่อ่อนโยน
ชาวสวนยางรายย่อยถูกลอยแพ ไม่รู้ต้องก้มหน้ารับกรรมราคายางกิโลกรัมละ 40 บาทไปอีกนานแค่ไหน
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 00:12 น.
เมืองไทย 25 น.
ทวี มีเงิน
จนถึงวันนี้สถานการณ์ราคายางในประเทศยังคงล้มลุกคลุกคลานหัวทิ่มตำไม่เห็น อนาคตเมื่อต้นปีราคาเคยพุ่งสูง 60 บาทกว่าต่อกิโลฯทุกวันนี้เหลือแค่ 40 กว่าบาท
อย่างที่รู้กัน ผลพวงมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ดิ่งเหวส่งผลให้ราคายางธรรมชาติดิ่งตามโดยอัตโนมัติ ผสมโรงกับยางแผ่นรมควันที่อยู่ในสต๊อกระบายไม่ออกเหลือบานเบอะ 3 แสนกว่าตัน
แต่ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้มีปัจจัยที่คาดไม่ถึง เป็นผลพวงมาจาก "พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย" ฉบับใหม่ประกาศใช้เมื่อ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้รวมสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (กสย.) องค์การสวนยาง (อสย.) และสถาบันวิจัยยางบางส่วน เข้าด้วยกันในนาม "การยางแห่งประเทศไทย"
จนถึงวันนี้ยังวุ่นวาย ยังจัดโครงสร้างองค์กร จัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัว ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ตรงไหนหรืออีกนัยหนึ่งต้องบอกว่า ยังทะเลาะเรื่องตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ไม่เลิก
สถานการณ์ ในการยางฯ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาจึงมีแต่ความวุ่นวายปั่นป่วน ไม่มีใครทำงาน ทุกอย่างนิ่งสนิท งานไม่เดิน หรือเดินก็ต่างคนต่างเดินทางใครทางมัน
มิหนำซ้ำหลังจาก "อำนวย ปะติเส" ต้องพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯ ก็ไม่มีใครมาดูแลแทน กลายเป็นช่วง "สุญญากาศ" จึงหาคนทุบโต๊ะไม่ได้
ส่วนผู้ว่าการยางฯ คนแรก "วีระศักดิ์ ขวัญเมือง" ก็ เป็นคนนอกมาจากกองทุนอ้อยและน้ำตาล เคยบริหารคนแค่ 10 กว่าคนแต่ต้องมาดูแลคนเกือบๆ 3 พันคน ประกอบกับธรรมชาติของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกับยางพารานั้นก็ต่างกันลิบลับ
จึงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ขณะที่โครงสร้างคณะกรรมการประกอบด้วย ข้าราชการถึง 7 คน แต่ละคนล้วนเป็นระดับบิ๊กๆ ไม่มีรู้เรื่องยางจริงๆ แถมไม่มีเวลามาดูแล ที่เหลือมาจากผู้ชำนาญการ 1 คน ผู้ประกอบการ 1 คน
แม้ จะมีผู้แทนเกษตรกรสวนยางอีก 5 คน แต่จะหวังพึ่งองค์กรชาวสวนยางมาเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาเหมือนที่ผ่านๆ มาก็ลำบากเพราะก็โดนปิดปากจากพ.ร.บ.ใหม่ ที่มีเงินอุดหนุนให้กับสถาบันเกษตรกร 3% ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
กลายเป็นน้ำท่วมปาก พลังที่เคยเข้มแข็งก็กลายเป็นองค์กรที่อ่อนโยน
ชาวสวนยางรายย่อยถูกลอยแพ ไม่รู้ต้องก้มหน้ารับกรรมราคายางกิโลกรัมละ 40 บาทไปอีกนานแค่ไหน