ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2015, 03:51:00 PM »

ก.เกษตรฯ ชูผลศึกษาผู้ปลูกยาง จ.สงขลา แจงการปรับตัวของเกษตรกรในช่วงวิกฤตราคาตกต่ำ


สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 ชูผลการศึกษาการปรับตัวของเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในจังหวัดสงขลา ระบุ เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดรายจ่ายในสถานการณ์วิกฤตราคายางพาราตกต่ำ ระบุ แนวโน้มเกษตรกรยังคงปลูกยางพาราเหมือนเดิม แต่จะมีการหาพันธุ์ยางพาราที่ให้ผลผลิตสูงปลูกทดแทน

??นายพลเชษฐ์  ตราโช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา (สศท.9) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการศึกษาการปรับตัวของเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราท่ามกลางวิกฤตราคายางพาราตกต่ำ ในจังหวัดสงขลา ปี ๒๕๕๘ ว่า หลังจากที่ราคายางพาราตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรชาวสวนยางของจังหวัดสงขลา ซึ่งมีพื้นที่ปลูก (ข้อมูลปี 2557) จำนวน 2,066,960 ไร่ พื้นที่กรีด 1,665,037 ไร่ ผลผลิตรวมทั้งจังหวัดมีปริมาณ  501,008 ตัน และมีผลผลิตต่อไร่ 290 กก./ไร่ ผลการศึกษา พบว่า เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้ปรับตัวเพื่อการอยู่รอดในสถานการณ์วิกฤตราคายางพาราตกต่ำใน 4 ด้าน ดังนี้

  ??ด้านที่ 1 การลดรายจ่ายในภาคการเกษตร เกษตรกรชาวสวนยางร้อยละ 73 มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการลดรายจ่ายในภาคเกษตรของชาวสวนยาง โดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องการใช้ปุ๋ย คือ เกษตรกรร้อยละ 14 จะงดการใส่ปุ๋ยในปีนี้ และร้อยละ 12 ใส่ปุ๋ยในปริมาณที่ลดลง  โดยเกษตรกรร้อยละ 46 ปรับเปลี่ยนชนิดของปุ๋ยจากปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีผสมอินทรีย์ หรือเปลี่ยนการซื้อปุ๋ยจากยี่ห้อที่มีราคาแพงไปซื้อยี่ห้อที่มีราคาถูกกว่า และเกษตรกรร้อยละ 27 ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านการลดรายจ่ายในภาคเกษตร


 ??ด้านที่ 2 การเพิ่มรายได้ในภาคการเกษตร  เกษตรกรชาวสวนยางร้อยละ 34 มีการปรับตัวในด้านการเพิ่มรายได้ในภาคการเกษตร เช่น การรับจ้างกรีดยางพาราทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยครัวเรือนละ 26,600 บาทต่อปี  การปลูกพืชร่วมกับยางพาราเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นครัวเรือนละ 10,194 บาทต่อปี  การเลี้ยงสัตว์เพื่อเพิ่มรายได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นครัวเรือนละ 5,595 บาทต่อปี  โดยเกษตรกรร้อยละ 66 ไม่ได้มีการปรับตัวหรือไม่เพิ่มกิจกรรมในด้านการเพิ่มรายได้ในภาคการเกษตร
??ด้านที่ 3 การลดรายจ่ายนอกภาคเกษตร เกษตรกรชาวสวนยางร้อยละ 91 มีการปรับตัวโดยการลดรายจ่ายนอกภาคเกษตรที่สำคัญ คือรายจ่ายที่ใช้ในการบริโภคในครัวเรือน  เช่น ลดรายจ่ายในด้านการบริโภคสินค้าที่ไม่จำเป็นลงเฉลี่ยครัวเรือนละ 8,331 บาทต่อปี และลดรายจ่ายด้านจัดซื้อเครื่องอุปโภค ลงเฉลี่ยครัวเรือนละ 2,864 บาทต่อปี ในขณะที่เกษตรกรร้อยละ 9 ไม่สามารถลดรายจ่ายด้านบริโภคและอุปโภคลงได้


 ??ด้านที่ 4 การเพิ่มรายได้นอกภาคเกษตร  เกษตรกรร้อยละ 25  ประกอบอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้นอกภาคเกษตร ได้แก่อาชีพรับจ้างทั่วไป ขายของตลาดนัดและรับเหมาก่อสร้าง ทำให้มีรายได้จากอาชีพเสริมเฉลี่ยครัวเรือนละ 73,250  บาทต่อปี  โดยเกษตรกรร้อยละ 75 ไม่มีการปรับตัวในด้านการเพิ่มรายได้นอกภาคเกษตร   


 ??อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปลูกยางพาราในอนาคต พบว่า เกษตรกรยังคงปลูกยางพาราเหมือนเดิมแต่จะมีการหาพันธุ์ยางพาราที่ให้ผลผลิตสูงปลูกทดแทนยางพาราพันธุ์เดิม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเหมาะสมกับการปลูกยางพาราและความถนัดของเกษตรกร แต่ความคาดหวังให้บุตรหลานมาทำการเกษตรนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่คาดหวังให้บุตรหลานมาทำการเกษตร สืบเนื่องจากราคาของผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ไม่แน่นอน และต้องการให้บุตรหลานได้ทำงานในด้านอื่นมากกว่า นายพลเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย     วันที่   29/07/15   เวลา   15:31:38