ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2015, 09:12:41 AM »

สหกรณ์โอดยางค้างสต๊อกขาดทุนยับหลังพ่อค้าคนกลางทำราคาผันผวน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปสต๊อกยางสหกรณ์


  เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหกรณ์กองทุนสวนยางในสังกัดสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางตรังที่มี กว่า 40 แห่งทั่วจังหวัดตรัง กำลังประสบปัญหาขาดทุนหลังราคายางพาราเกิดความผันผวนน้ำยางสดกับราคายางแผ่น มีราคาต่างกันน้อยมากอยู่ที่ประมาณกก.ละ 2-3 บาทขณะที่ราคาก็ลดต่ำลง ทำให้สหกรณ์ทุกแห่งที่รับซื้อน้ำยางสดจากสมาชิกในราคาที่สูงประสบปัญหาขาด ทุน ขณะนี้มีสหกรณ์ยางหยุดการรับซื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 10 เพราะกลัวว่าหากดำเนินการตามปกติจะทำให้ประสบภาวะขาดทุนหนัก จนอาจไม่สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้อีกต่อไป จึงต้องรักษาสถานภาพองค์กรไว้ด้วยการหยุดรับซื้อชั่วคราวจนกว่าการผันผวนทาง การตลาดจะคลี่คลายลง ส่วนสหกรณ์ที่เปิดรับซื้อทุกวันนี้ก็ยังไม่กล้านำยางแผ่นรมควันส่งขายให้แก่ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเพราะราคายางลดต่ำกว่าทุนที่ซื้อไว้มาก จนแต่ละโรงมียางค้างอยู่ในสต๊อกประมาณ 10-15 ตันขาดทุนไม่ต่ำกว่า 250,000-500,000 บาท

 ทั้งนี้ นายวีระ เพ็ชรหิน ที่ปรึกษาสหกรณ์กองทุนสวนยางควนตุ้งกู อ.กันตังกล่าวว่า ที่สหกรณ์ฯ รับซื้อยางจากเกษตรกรราคาสูงตกกิโลกรัมละ 58-59 บาท มียางค้างสต๊อกอยู่ 10 ตันแต่ยังไม่ได้ระบายออกเพราะราคาผันผวน ปรับลดลงทำให้ประสบปัญหาขาดทุน มองว่าปัญหาความผันผวนของราคายางน่าจะเกิดจากพ่อค้าคนกลางที่กดราคาจึงอยาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขให้ราคายางเป็นไปตามกลไกปกติอย่าง ต่อเนื่อง โดยจุดคุ้มทุนของราคาน้ำยางสดให้มีความแตกต่างจากราคายางแผ่นประมาณ 5-6 บาทต่อกิโลกรัม ก็จะทำให้สหกรณ์อยู่ได้ และขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเฉพาะที่มีการชุมนุมเรียกร้อง หากปล่อยให้สหกรณ์ทุกแห่งประสบภาวะขาดทุนและอาจหยุดกิจการได้ยิ่งจะเป็นการ ซ้ำเติมเกษตรกร.

ที่มา  เดลินิวส์ (Th)