ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 30, 2015, 03:17:32 PM »

ยึดสวนยางด่านซ้ายอีก2.4หมื่นไร่ หลายสิบแปลงเป็นของนักการเมือง

วันที่ 29 มิถุนายน  พ.ศ. 2558 เวลา 13:50:30 น


นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า ขณะนี้ พยัคฆ์ไพร และชุดปฏิบัติการร่วมยึดคืนผืนป่า ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ยังปักหลักอยู่ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย เพื่อปฏิบัติการยึดคืนเอาสวนยางพาราที่ถูกบุกรุกโดยกลุ่มนายทุน ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก เป็นพื้นที่ต้นน้ำชั้น 1 เอ ที่กินพื้นที่ อ.น้ำหนาว หล่มเก่า หล่มสัก ด่านซ้าย และ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

สัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าจับกุมและยึดพื้นที่ป่าคืน ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้ทั้งหมด 11 คดี แบ่งเป็นต้นสัปดาห์ 8 คดี ได้พื้นที่คืน 3,000 ไร่ และปลายสัปดาห์อีก 3 คดี ได้พื้นที่คืนมา 700 ไร่ และได้ยึดปืนยาวไทยประดิษฐ์ 9 กระบอก พร้อมไม้กอล์ฟ 5 อัน พร้อมลูกกอล์ฟอีก 30 ลูก และที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก อีก 15 คดี ได้พื้นที่คืนมา 8,000 ไร่ และสามารถยึดปืนไทยประดิษฐ์ได้    รวมพื้นที่ที่ชุดพยัคฆ์ไพร ดำเนินการตามยุทธการป่าสักยั่งยืนตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน สามารถยึดคืนผืนป่าได้ทั้งสิ้น 24,000 ไร่ และรวมพื้นที่ทั้งหมดทั่วประเทศเวลานี้สามารถยึดผืนป่าคืนมาได้แล้ว 54,000 ไร่

"เรียนว่า ขณะที่พยัคฆ์ไพร และกอ.รมน.ออกปฏิบัติการในพื้นที่นั้นได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชาวบ้านในพื้นที่ โดยชาวบ้านทุกกลุ่มที่เข้ามาให้ข้อมูลนั้น ล้วนได้รับผลกระทบจากการที่ป่าต้นน้ำถูกทำลายทั้งสิ้น โดยชาวบ้าน บ้านบุ่งกุ่ม อ.ด่านซ้าย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ ได้รวมตัวกันเข้าพบเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ได้รับความเดือดร้อน เพราะป่าต้นน้ำถูกทำลายเป็นเหตุให้ดินโคลนไหลลงมาจากภูเขาเป็นประจำเมื่อฝนตกหนัก อีกทั้งเกิดภาวะขาดแคลนน้ำ และน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาก็ชะเอาสารเคมีอันตราย คือ ยาฆ่าหญ้าลงมาจำนวนมาก เพราะการดูแลสวนยางบนภูเขานั้นต้องใช้ยาฆ่าหญ้าถึงปีละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย โดยใช้ในอัตรา 1 ลิตร ต่อ 1 ไร่ หากยังปล่อยเอาไว้ต่อไปพื้นที่รอบๆ สวนยางพาราต้องกลายเป็นหมู่บ้านร้างแน่ๆ"

หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า ในการออกปฏิบัติการ ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า พื้นที่ทั้งหมด ไม่ใช่พื้นที่ทำกินของชาวบ้านเป็นแน่ แต่เป็นของกลุ่มนายทุนจริงๆ เพราะหลักการการตรวจค้นนั้น ไม่ใช่อุปกรณ์ยังชีพของชาวบ้านเลย เช่น ตู้คอนเทนเนอร์กลางสวนยาง พร้อมอุปกรณ์ยังชีพทันสมัยพร้อมสรรพ รวมทั้ง ไม้กอล์ฟกับลูกกอล์ฟอีกจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านไม่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนอีกจำนวนมาก โดยที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลกนั้น พบว่า พื้นที่หลายสิบแปลงที่ยึดมาได้นั้นเป็นของนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อที่ของตัวเองถูกยึดได้ ก็มีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์คว่า พยัคฆ์ไพร และทหารกอ.รมน.รังแกชาวบ้าน ยึดที่ทำกินของชาวบ้าน

"ผมได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว พบว่า ทั้งหมดไม่มีที่ของชาวบ้านเลยแม้แต่แปลงเดียว แต่เป็นที่ของนายทุนทั้งสิ้น และหากชาวบ้านคนไหนที่คิดว่าถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้รังแกก็สามารถมาร้องเรียนได้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เข้าข่ายการรุกป่าสงวนแห่งชาติโดยกลุ่มนายทุน คือ 1.ปลูกยางพาราในพื้นที่ตั้งแต่ 30 ไร่ขึ้นไป 2.ชาวบ้านและผู้นำชุมชนในพื้นที่มาให้การรับรองว่าเป็นคนในพื้นที่มีอาชีพทำสวนยางพาราจริงๆ ไม่ได้รับจ้างใครมา หากไม่เข้าข่ายว่าเป็นนายทุนบุกกรุกป่า เราก็พร้อมที่จะถอนแจ้งความและคืนพื้นที่ให้ และยืนยันว่า ที่ผ่านมา เราได้ตรวจสอบโดยละเอียดดีแล้ว ไม่มีชาวบ้านเลยมีแต่นายทุนทั้งสิ้น"