ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2015, 12:36:47 PM »

รู้มาเล่าไป : ยางพาราขึ้นราคาแล้ว


ที่มา คม ชัด ลึก 13/5/58


รู้มาเล่าไป : ยางพาราขึ้นราคาแล้ว : โดย...ดลมนัส กาเจ


รู้มาเล่าไป : ยางพาราขึ้นราคาแล้ว height=347
 
                            ช่วงนี้หากสังเกตดูราคายางพารากระเตื้องบ้างเล็กน้อยนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ราคายางพาราที่ซื้อในท้องถิ่นทะลุเพดาน กก.ละ 50 บาทขึ้นไป อย่างล่าสุดต้นสัปดาห์ ราคาประมูลที่ตลาดกลางยางพารา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยางแผ่นอยู่ที่ กก.ละ 54.47 บาท ยางรมควันชั้น 3 กก.ละ 56.80 บาท ขณะที่ราคาท้องถิ่นราคา ณ โรงงาน ยางแผ่นดิบ กก.ละ 52.10 บาท น้ำยางสด กก.ละ 53.00 บาท     
 
                            การที่ราคายางพาราขึ้นในช่วงเมื่อไม่กี่วันนี้ คุณอุทัย สอนหลักทรัพย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะประธานสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย เล่าว่า เกิดมาจากบริษัทผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมยาง  3 บริษัทคือ บริษัทศรีตรังแอโกรอินดรัชทรี จำกัด (มหาชน) บริษัทเซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด และบริษัทไทยฮั้วยางพารา  จำกัด ได้ร่วมมือกับ 7 บริษัทยางพาราในประเทศอินโดนีเซีย
 
                            3 บริษัทที่ว่านี้ได้จับมือกับ 7 บริษัทของอินโดนีเซียเพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราคาตกต่ำโดยให้มีการขายยางให้แก่ผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นทันทีในปัจจุบัน จากเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ กก.ละ 49 บาท มาอยู่ที่ กก.ละ  51 บาทเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พอต้นสัปดาห์นี้ก็พุ่งขึ้นอีก กก.ละ 3 บาท ยางแผ่นรมควันราคา กก.ละกว่า  5 บาท มีส่วนต่างถึง  2-3 บาทต่อกก. ถ้าคิดเป็นมูลรวมมหาศาลครับ
 
                            นับเป็นนิมิตหมายที่ดีครับที่ 3 บริษัทช่วยซื้อยางในครั้งนี้และหวังว่าการรวมตัวครั้งนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นการช่วยบรรเทาทุกข์เกษตรกรชาวสวนยางลงได้เป็นอย่างมาก และยังส่งผลทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นและมีความมั่นคงยั่งยืนมากกว่าการซื้อขายยางในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ มาร์เก็ต) เสียอีก
 
                            พูดกันตรงๆ คือ การซื้อขายยางโดยตรงในลักษณะนี้จะทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจด้านราคายางในปัจจุบันและอนาคตมากขึ้น จึงขอชื่นชมในดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมยางจะได้ตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบทั้งต่อเกษตรกรชาวสวนยางพารา สังคม และประเทศชาติ หากช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรชาวสวนยางลืมตาอ้าปากได้แล้ว เกษตรกรชาวสวนยางคงหวนกลับมาดูแลสวนยางอีก หลังจากที่ละทิ้งสวนยางไปประกอบอาชีพอื่นๆ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยมีตลาดกลางเพื่อซื้อจริงขายจริงต่อไป
 
                            คุณอุทัย บอกว่า ในฐานะที่ท่านได้เป็นตัวแทนเกษตรกร 7 องค์กร ต้องขอขอบคุณทั้ง 3 บริษัทนี้เป็นอย่างมากที่ออกโรงมาช่วยซื้อยางในครั้งนี้ และอยากให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดไป ซึ่งความจริงแล้วมีบริษัทเอกชนที่ถือว่าเป็นเสือแห่งวงการซื้อยางถึง 5 เสือ หากอีก 2 บริษัท ที่ถือว่าเป็นบริษัทรายใหญ่มากร่วมด้วยช่วยกันอีกทางหนึ่ง ก็จะเป็นอานิสงส์ของเกษตรกรชาวสวนยางพาราของไทยได้มีโอกาสขายยางพาราในราคาที่สูงขึ้น
 
                            จึงขอวิงวอนบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการยางพาราซึ่งทุกท่านรู้ดีว่าเป็นเสือตัวที่ 4 และตัวที่ 5 ให้ออกมาจากถ้ำร่วมกันช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในครั้งนี้ด้วยจะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่งครับ!