ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2015, 09:45:41 AM »สองแควยืดคืนสวนยาง 779 ไร่ รุกที่ป่าสงวนเขากระยาง
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ลุยตรวจยืดสวนยางพารา บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเขากระยาง ใน อ.นครไทย ก่อนทวงคืนกว่า 779 ไร่ ตามนโยบายรัฐบาล
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุด พยัคฆ์ไพร ร่วมกันเปิดยุทธการ "แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผืนป่า 20000 ไร่" ที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่พล. 3 (หนองกระท้าว) อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีนายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมหัวหน้าส่วนป้องกันฯและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน จ.พิษณุโลก ให้การต้อนรับ จากนั้นทางคณะอธิบดีกรมป่าไม้ได้เดินทางไปตรวจยืดพื้นที่ปลูกสวนยางพาราที่รุกล้ำเข้าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าเขากระยาง หมู่ 7 บ้านหลังเชา ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย คิดเป็นเนื้อที่ปลูกสวนยางพารา จำนวนกว่า 779 ไร่ ด้าน นายมานพ กล่าวว่า ผื่นป่าพิษณุโลกขณะนี้มีพื้นที่จำนวน 1.6 ล้านไร่ พบว่ามีพื้นที่บุกรุกป่าสงวนฯ แล้วไปปลูกยางพารา ดำเนินคดีแล้ว จำนวน 4235 ไร่ และมีพื้นที่บุกรุกปลูกยางพาราที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี จำนวน 15000 ไร่เศษ นอกจากนี้พบว่ามีนายทุนบุกรุกปลูกยางพาราอายุประมาณ 5 ปี จำนวน 779 ไร่ ได้สำรวจสิทธิ์ถือครองจำนวน 8 ราย และพบว่ามีจำนวน 3 ราย เปลื่อนมือถือครองซึ่งถือว่าผิดกฎหมายชัดเจนจึงได้ดำเนินคดีพร้อมกับควบคุม ชาวบ้านที่รับจ้างเฝ้าสวนและกรีดยาง จำนวน 2 ราย ที่แปลงตรวจยึด จากนั้นจะดำเนินการติดตามตัวนายทุนเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ นายธีรภัทร อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า วันนี้ตนได้มาติดตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกยางพาราตามมติ ครม. 3 ก.พ.2558 ซึ่งทางกรมป่าไม้ตั้งเป้าไว้ปี 58 จะต้องลดพื้นที่ปลูกยางพารา ทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 4 แสนไร่ ส่วนของ จ.พิษณุโกลมีเป้าหมายที่จะดำเนินการใช้มาตรา 25 ตัดต้นยางพาราจำนวนทั้งสิ้น 20000 ไร่ ซึ่งในวันนี้ช่วงเปิดยุทธการได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้แล้วกว่า 779 ไร่ นอกจากนี้ต้องเร่งรัดคดีค้างเก่า พร้อมตรวจพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนมือไปสู่นายทุน จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จะไม่ทำให้กระทบสิทธิ์ของราษฎรผู้ยากไร้ทำกินอยู่เดิม แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะต้องจับกุมและยึดผื่นป่าคืนจากนายทุน ซึ่งพิษณุโลกวางเป้า 20000 ไร่ ตามยุทธการ "แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผื่นป่า 20000 ไร่ พร้อมกับประสานไปยัง ปปท. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนอีกด้วยในส่วนการตัดต้นยางนั้น จะทยอยตัดครั้งละ 60 % ของแปลงยางพาราที่ถูกตรวจยึดจับกุมและให้คงเหลืออีก 40 % ไว้ เพื่อตัดในปีต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศน์ ส่วนป่าที่ยืดคืนได้จะมีการปรับรูปแบบในการดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าชุมชนต่อไป
ที่มา เดลินิวส์
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ลุยตรวจยืดสวนยางพารา บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเขากระยาง ใน อ.นครไทย ก่อนทวงคืนกว่า 779 ไร่ ตามนโยบายรัฐบาล
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุด พยัคฆ์ไพร ร่วมกันเปิดยุทธการ "แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผืนป่า 20000 ไร่" ที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่พล. 3 (หนองกระท้าว) อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีนายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมหัวหน้าส่วนป้องกันฯและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน จ.พิษณุโลก ให้การต้อนรับ จากนั้นทางคณะอธิบดีกรมป่าไม้ได้เดินทางไปตรวจยืดพื้นที่ปลูกสวนยางพาราที่รุกล้ำเข้าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าเขากระยาง หมู่ 7 บ้านหลังเชา ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย คิดเป็นเนื้อที่ปลูกสวนยางพารา จำนวนกว่า 779 ไร่ ด้าน นายมานพ กล่าวว่า ผื่นป่าพิษณุโลกขณะนี้มีพื้นที่จำนวน 1.6 ล้านไร่ พบว่ามีพื้นที่บุกรุกป่าสงวนฯ แล้วไปปลูกยางพารา ดำเนินคดีแล้ว จำนวน 4235 ไร่ และมีพื้นที่บุกรุกปลูกยางพาราที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี จำนวน 15000 ไร่เศษ นอกจากนี้พบว่ามีนายทุนบุกรุกปลูกยางพาราอายุประมาณ 5 ปี จำนวน 779 ไร่ ได้สำรวจสิทธิ์ถือครองจำนวน 8 ราย และพบว่ามีจำนวน 3 ราย เปลื่อนมือถือครองซึ่งถือว่าผิดกฎหมายชัดเจนจึงได้ดำเนินคดีพร้อมกับควบคุม ชาวบ้านที่รับจ้างเฝ้าสวนและกรีดยาง จำนวน 2 ราย ที่แปลงตรวจยึด จากนั้นจะดำเนินการติดตามตัวนายทุนเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ นายธีรภัทร อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า วันนี้ตนได้มาติดตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกยางพาราตามมติ ครม. 3 ก.พ.2558 ซึ่งทางกรมป่าไม้ตั้งเป้าไว้ปี 58 จะต้องลดพื้นที่ปลูกยางพารา ทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 4 แสนไร่ ส่วนของ จ.พิษณุโกลมีเป้าหมายที่จะดำเนินการใช้มาตรา 25 ตัดต้นยางพาราจำนวนทั้งสิ้น 20000 ไร่ ซึ่งในวันนี้ช่วงเปิดยุทธการได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้แล้วกว่า 779 ไร่ นอกจากนี้ต้องเร่งรัดคดีค้างเก่า พร้อมตรวจพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนมือไปสู่นายทุน จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จะไม่ทำให้กระทบสิทธิ์ของราษฎรผู้ยากไร้ทำกินอยู่เดิม แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะต้องจับกุมและยึดผื่นป่าคืนจากนายทุน ซึ่งพิษณุโลกวางเป้า 20000 ไร่ ตามยุทธการ "แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผื่นป่า 20000 ไร่ พร้อมกับประสานไปยัง ปปท. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนอีกด้วยในส่วนการตัดต้นยางนั้น จะทยอยตัดครั้งละ 60 % ของแปลงยางพาราที่ถูกตรวจยึดจับกุมและให้คงเหลืออีก 40 % ไว้ เพื่อตัดในปีต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศน์ ส่วนป่าที่ยืดคืนได้จะมีการปรับรูปแบบในการดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าชุมชนต่อไป
ที่มา เดลินิวส์