ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2015, 09:04:09 AM »เลาะรั้วเกษตร : ตลาดเกษตรกร (อีกสักครั้ง)
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 06:00:00 น.
หนึ่งในนโยบายที่สำคัญของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างมาก คือ โครงการตลาดเกษตรกร ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกร เป็นผู้จำหน่ายสินค้าทางการเกษตรโดยตรง และสินค้านั้นต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย เป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในระบบต่างๆ ทั้ง GAP GMP หรือ เกษตรอินทรีย์ ที่บอกว่าเป็น ?สินค้าพรีเมียม?
งานนี้มอบไปทาง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โอฬาร พิทักษ์ ให้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งตลาดเกษตรกร หรือที่เรียกหรูๆว่า Farmer Market ขึ้นทุกจังหวัด โดยเริ่มดีเดย์ 5 จังหวัดแรก คือ นครนายก เชียงราย อุตรดิตถ์ มุกดาหาร และตรัง มาตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2557 จนถึงปัจจุบัน เปิดตลาดเกษตรกรไป 64 แห่งแล้ว ถึงวันนี้ ได้แต่ ?ฝันให้ไกล? แต่ ?ยังไปไม่ถึง? คือยังไม่ถึงเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเปิดตัวผลิตผล หรือผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ หรือได้รับการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ หรือ สินค้าที่มีลักษณะเฉพาะถิ่น เพราะวัตถุประสงค์นี้ดูแล้วค่อนข้างยาก คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าจะว่าไป ถ้าเกษตรกรมีสินค้าลักษณะที่ว่านี้ คงไม่มาขายตลาดเกษตรกร แต่คงหาตลาดที่ใหญ่กว่า เช่น ตลาดโมเดิร์นเทรด หรือ ตลาดส่งออกเสียมากกว่า
เช่นเดียวกับ ?สินค้าพรีเมียม? หรือสินค้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ที่เกษตรกรผลิตได้ส่วนใหญ่ เขามีตลาดรองรับเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าหรูในกรุง และต่างจังหวัด รวมทั้งบริษัทส่งออกต่างก็วิ่งหาสินค้าที่ได้รับการรับรอง GAP หรือ เกษตรอินทรีย์ หรือ สัญลักษณ์ Q ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปรับซื้อถึงที่เรือกสวนไร่นาก็มี หรือทำสัญญาล่วงหน้ากันไว้ก็มี
ดังนั้นการที่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบาย หรือบรรดาที่ปรึกษา ที่ชอบเสนอโครงการต่างๆ ที่คิดว่าเป็นการสร้างผลงาน แล้วโยนให้หน่วยงานไปดำเนินการนั้น คงต้องมีข้อมูลที่รอบด้าน และลงไปสัมผัสของจริงในพื้นที่ดูบ้าง อย่า ?มโน? อยู่ในห้องประชุม หรือห้องทำงาน นั่งคิดไปเรื่อย....ไอเดียบรรเจิด..เพราะไม่ต้องทำเอง แต่กดดันให้คนอื่นไปทำ พร้อมตอกย้ำว่าต้องสนองนโยบายให้ได้
ฝ่ายผู้รับนโยบายมาปฏิบัติ ก็ไม่คัดค้าน ไม่ให้ข้อมูล ไม่แสดงความเห็น สั่งให้ทำก็ทำ ไม่คำนึงถึงผู้ปฏิบัติในพื้นที่ว่าจะทำได้ตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายนั้นๆ หรือไม่.....ตลาดเกษตรกร จึงเกิดขึ้นเพียงให้เห็นว่ามีตลาด แต่ผลสัมฤทธิ์ เป็นอย่างไรยังไม่มีคำตอบ
นี่ก็ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ทราบว่าสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประเมินผลในภาพรวมของตลาดเริ่มแรก 5 แห่ง อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ยังต้องพัฒนาอีกหลายประการ โดยเฉพาะการจัดวางกลุ่มประเภทสินค้า และ การบริหารจัดการตลาด ส่วนจุดที่ดีของตลาดคือ มีสินค้าหลากหลาย และผู้จำหน่ายเป็นเกษตรกรตัวจริง ซึ่งประเด็นหลังนี้ไม่ยืนยันว่า เป็นเกษตรกรตัวจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีผู้ค้าบางรายบอกว่า นำสินค้ามาจากตลาดไท......
โครงการตลาดเกษตรกร น่าจะมาจากความต้องการของเกษตรกร ให้เกษตรกรเป็นผู้สร้าง และบริหารจัดการเอง เกิดขึ้นจากความพร้อมของเกษตรกร ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความต้องการสร้างผลงานของรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษา ให้มีระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมของตลาดในด้านต่าง ๆ ก่อนเปิดตลาดจริง ไม่ใช่เปิดตลาดก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหาภายหลัง
การเปิดตลาด 64 แห่ง ใน 64 จังหวัด ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน เป็นการทำงานที่รวดเร็วจริง แต่ถ้าถามถึงความยั่งยืนของตลาด มั่นใจว่า เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้ชื่อ ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ตลาดเกษตรกร ก็จะล้มหายตายจากไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความต้องการของเกษตรกร หรือชุมชนนั้นๆ
ถามว่าตลาดนี้ ได้ช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ คำตอบน่าจะ ?ไม่? เพราะตลาดไม่ได้มีทุกวัน บางแห่งเปิดตลาดสัปดาห์ละ 1 วัน เหมือนตลาดนัดที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น แต่คนที่ค้าขายในตลาดนัด จะตระเวนขายไปเรื่อยตามตลาดนัดที่นั่น ที่นี่ เท่ากับได้ขายของทุกวัน แต่ตลาดเกษตรกร ที่เปิดตลาดสัปดาห์ละ 1 วัน หมายถึง ได้ขายของสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รายได้คงไม่เพิ่มขึ้นสักเท่าไร
โครงการตลาดเกษตรกร เป็นโครงการที่ดี แต่ต้องคิดใหม่....และคิดให้รอบด้าน....
แว่นขยาย
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 06:00:00 น.
หนึ่งในนโยบายที่สำคัญของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างมาก คือ โครงการตลาดเกษตรกร ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกร หรือสถาบันเกษตรกร เป็นผู้จำหน่ายสินค้าทางการเกษตรโดยตรง และสินค้านั้นต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย เป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในระบบต่างๆ ทั้ง GAP GMP หรือ เกษตรอินทรีย์ ที่บอกว่าเป็น ?สินค้าพรีเมียม?
งานนี้มอบไปทาง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โอฬาร พิทักษ์ ให้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งตลาดเกษตรกร หรือที่เรียกหรูๆว่า Farmer Market ขึ้นทุกจังหวัด โดยเริ่มดีเดย์ 5 จังหวัดแรก คือ นครนายก เชียงราย อุตรดิตถ์ มุกดาหาร และตรัง มาตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2557 จนถึงปัจจุบัน เปิดตลาดเกษตรกรไป 64 แห่งแล้ว ถึงวันนี้ ได้แต่ ?ฝันให้ไกล? แต่ ?ยังไปไม่ถึง? คือยังไม่ถึงเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเปิดตัวผลิตผล หรือผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ หรือได้รับการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ หรือ สินค้าที่มีลักษณะเฉพาะถิ่น เพราะวัตถุประสงค์นี้ดูแล้วค่อนข้างยาก คงต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าจะว่าไป ถ้าเกษตรกรมีสินค้าลักษณะที่ว่านี้ คงไม่มาขายตลาดเกษตรกร แต่คงหาตลาดที่ใหญ่กว่า เช่น ตลาดโมเดิร์นเทรด หรือ ตลาดส่งออกเสียมากกว่า
เช่นเดียวกับ ?สินค้าพรีเมียม? หรือสินค้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ที่เกษตรกรผลิตได้ส่วนใหญ่ เขามีตลาดรองรับเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าหรูในกรุง และต่างจังหวัด รวมทั้งบริษัทส่งออกต่างก็วิ่งหาสินค้าที่ได้รับการรับรอง GAP หรือ เกษตรอินทรีย์ หรือ สัญลักษณ์ Q ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปรับซื้อถึงที่เรือกสวนไร่นาก็มี หรือทำสัญญาล่วงหน้ากันไว้ก็มี
ดังนั้นการที่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบาย หรือบรรดาที่ปรึกษา ที่ชอบเสนอโครงการต่างๆ ที่คิดว่าเป็นการสร้างผลงาน แล้วโยนให้หน่วยงานไปดำเนินการนั้น คงต้องมีข้อมูลที่รอบด้าน และลงไปสัมผัสของจริงในพื้นที่ดูบ้าง อย่า ?มโน? อยู่ในห้องประชุม หรือห้องทำงาน นั่งคิดไปเรื่อย....ไอเดียบรรเจิด..เพราะไม่ต้องทำเอง แต่กดดันให้คนอื่นไปทำ พร้อมตอกย้ำว่าต้องสนองนโยบายให้ได้
ฝ่ายผู้รับนโยบายมาปฏิบัติ ก็ไม่คัดค้าน ไม่ให้ข้อมูล ไม่แสดงความเห็น สั่งให้ทำก็ทำ ไม่คำนึงถึงผู้ปฏิบัติในพื้นที่ว่าจะทำได้ตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายนั้นๆ หรือไม่.....ตลาดเกษตรกร จึงเกิดขึ้นเพียงให้เห็นว่ามีตลาด แต่ผลสัมฤทธิ์ เป็นอย่างไรยังไม่มีคำตอบ
นี่ก็ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ทราบว่าสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประเมินผลในภาพรวมของตลาดเริ่มแรก 5 แห่ง อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ยังต้องพัฒนาอีกหลายประการ โดยเฉพาะการจัดวางกลุ่มประเภทสินค้า และ การบริหารจัดการตลาด ส่วนจุดที่ดีของตลาดคือ มีสินค้าหลากหลาย และผู้จำหน่ายเป็นเกษตรกรตัวจริง ซึ่งประเด็นหลังนี้ไม่ยืนยันว่า เป็นเกษตรกรตัวจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีผู้ค้าบางรายบอกว่า นำสินค้ามาจากตลาดไท......
โครงการตลาดเกษตรกร น่าจะมาจากความต้องการของเกษตรกร ให้เกษตรกรเป็นผู้สร้าง และบริหารจัดการเอง เกิดขึ้นจากความพร้อมของเกษตรกร ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความต้องการสร้างผลงานของรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษา ให้มีระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมของตลาดในด้านต่าง ๆ ก่อนเปิดตลาดจริง ไม่ใช่เปิดตลาดก่อนแล้วค่อยแก้ปัญหาภายหลัง
การเปิดตลาด 64 แห่ง ใน 64 จังหวัด ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน เป็นการทำงานที่รวดเร็วจริง แต่ถ้าถามถึงความยั่งยืนของตลาด มั่นใจว่า เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้ชื่อ ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ตลาดเกษตรกร ก็จะล้มหายตายจากไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความต้องการของเกษตรกร หรือชุมชนนั้นๆ
ถามว่าตลาดนี้ ได้ช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ คำตอบน่าจะ ?ไม่? เพราะตลาดไม่ได้มีทุกวัน บางแห่งเปิดตลาดสัปดาห์ละ 1 วัน เหมือนตลาดนัดที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น แต่คนที่ค้าขายในตลาดนัด จะตระเวนขายไปเรื่อยตามตลาดนัดที่นั่น ที่นี่ เท่ากับได้ขายของทุกวัน แต่ตลาดเกษตรกร ที่เปิดตลาดสัปดาห์ละ 1 วัน หมายถึง ได้ขายของสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รายได้คงไม่เพิ่มขึ้นสักเท่าไร
โครงการตลาดเกษตรกร เป็นโครงการที่ดี แต่ต้องคิดใหม่....และคิดให้รอบด้าน....
แว่นขยาย