ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2014, 08:34:35 AM »

สหกรณ์ช่วยชาวสวนยางโนนสุวรรณอยู่รอด (23/12/2557)


จากปัญหาราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ได้รับผลกระทบไปด้วย สหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณ ต.ดงอีจาน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ จึงใช้ระบบการบริหารจัดการในรูปแบบสหกรณ์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ เกษตรกร โดยการรวบรวมน้ำยางดิบจากเกษตรกรเขต อ.โนนสุวรรณ นำไปแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างอำนาจต่อรองทางการตลาด ลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในการแปรรูปเป็นยางแผ่น


นายอดิสา จันทร์มณี ประธานกรรมการสหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณ เปิดเผยว่า สหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณอยู่ในการควบคุมดูแลของสำนักงานสหกรณ์ จ.บุรีรัมย์ ถือเป็นแห่งเดียวในภาคอีสานที่ได้รวบรวมน้ำยางดิบมาทำยางแผ่นรมควัน หาตลาดจัดจำหน่ายอย่างครบวงจร เดิมมีกำลังการผลิตยางแผ่นรมควันประมาณ 40 ตันต่อวัน ซึ่งไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำยางที่ผลิตได้ของเกษตรกรในพื้นที่ได้


ต่อมาได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณจาก จ.บุรีรัมย์ ก่อสร้างโรงอบยางแผ่นรมควันพร้อมอุปกรณ์ผ่านสำนักงานสหกรณ์ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพการผลิตยางแผ่นรมควันที่ได้มาตรฐาน จากเดิม 40 ตันเป็น 60 ตันต่อวัน รองรับปริมาณน้ำยางสดของเกษตรกรที่ปลูกยางพาราใน อ.โนนสุวรรณ จำนวน 1,278 คน พื้นที่ปลูก 24,338 ไร่ มีพื้นที่เปิดกรีดแล้วจำนวน 24,142 ไร่ เป็นการยกระดับคุณภาพยางพาราให้ได้มาตรฐาน สร้างอำนาจต่อรองในตลาดยางพารากับบริษัทรับซื้อโดยตรง


นายอดิสากล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการปันผลเฉลี่ยคืนหลังจากขายน้ำยางสด ผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นยางแผ่นแล้ว และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงกว่าราคาตลาดกลางรับซื้อน้ำยางสดโดยเฉลี่ย กก.ละ 4-5 บาท ที่สำคัญเกษตรกรไม่ต้องเสียเวลา ลดต้นทุนแรงงานผลิตยางแผ่นเอง.






ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ (วันที่ 23 ธันวาคม 2557)