ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ตุลาคม 30, 2014, 02:37:14 PM »

อ.ส.ย.ล้มสัญญา 'ยี่ฟังเหลียน' ยางพุ่ง 5 บาทรับขาขึ้นถก 7 ชาติ


อ.ส.ย.ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาซื้อขายยางในสต๊อกรัฐ 1 แสนตันกับ "ยี่ฟังเหลียน" ระบุสาเหตุหลักผิดสัญญาเงื่อนไขการชำระเงิน เดินหน้าเจรจาผู้ซื้อรายใหม่ เล็งขายยกล็อตครั้งเดียวหมด ด้านหุ้นส่วนยี่ฟังเหลียนขอเจรจาเดินหน้าต่อ ขณะซื้อยางชี้นำตลาดสู่ราคาเป้าหมาย 60 บาท/กก.เริ่มได้ต้น พ.ย. เบื้องต้นงบ 6 พันล้าน ใช้วิธีประมูลแข่งในตลาดกลางทั่วประเทศ ขณะล่าสุดราคายางพุ่งขึ้นแล้ว 4-5 บาท/กก. IRCo เตรียมจัดประชุมรัฐมนตรียาง 7 ชาติอาเซียนรวมหัวคุมยางโลก


กรณีที่องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.)ได้ทำสัญญาซื้อขายยางในสต๊อกรัฐบาล 1 แสนตัน จากทั้งสิ้น 2.08 แสนตัน กับบริษัท ยี่ฟังเหลียน จำกัด (บจก.)เทรดเดอร์จากสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ต่อมามีกระแสข่าว อ.ส.ย.จะขอยกเลิกสัญญาการซื้อขาย โดยระบุบริษัทผิดสัญญาเรื่องการวางเงินค่าสินค้า ต่อมาผู้บริหารของยี่ฟังเหลียนออกมาชี้แจงว่าสัญญายังคงเดินหน้า โดยอยู่ในขั้นตอนการตรวจรับรองคุณภาพมาตรฐานสินค้าและเตรียมเปิดแอล/ซีเพื่อรับมอบสินค้านั้น


ต่อเรื่องนี้นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการ อ.ส.ย.เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ล่าสุดทาง อ.ส.ย.ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารของ บจก.ยี่ฟังเหลียน เพื่อแจ้งขอยกเลิกสัญญาการซื้อขายยางล็อตดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นผลจากที่บริษัทได้ทำผิดสัญญาในเรื่องเงื่อนไขการชำระเงินค่าสินค้าโดยไม่ขอลงในรายละเอียด ทั้งนี้ส่งผลให้ยางในสต๊อกของรัฐบาลยังคงมี 2.08 แสนตันตามเดิม ซึ่งเวลานี้มีผู้สนใจซื้อแล้วหลายราย และอยู่ระหว่างเจรจาแต่ไม่ขอเผยในรายละเอียดจนกว่าจะเจรจาและตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


อย่างไรก็ดีดีลครั้งนี้อยากจะขายเป็นล็อตใหญ่ให้จบในครั้งเดียว ไม่อยากให้ขายแบบกะปริดกะปรอย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าผู้ซื้อรายใหม่ใช่บริษัท ไชน่า ไห่หนาน รับเบอร์ อินดัสทรี กรุ๊ป จากจีนที่มีกระแสข่าวจะมาขอซื้อยางในสต๊อกยกล็อตก่อนหน้าหรือไม่? นายชนะชัยตอบเพียงสั้นๆ ว่าเป็นบริษัทจากต่างประเทศคาดจะบรรลุข้อตกลงและมีข่าวดีในเร็วๆ นี้


"ทาง อ.ส.ย.ได้ทำหนังสือบอกยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการไปแล้ว เพราะในทางราชการเราว่าไปตามตัวอักษรของเงื่อนไขสัญญา"


สอดรับนายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และที่ปรึกษานายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ระบุว่า อ.ส.ย.ได้รายงานการยกเลิกสัญญาซื้อขายยาง 1 แสนตันกับยี่ฟังเหลียนแล้ว เนื่องจากไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาทางการเงินตามเวลาที่กำหนด ซึ่งต่อจากนี้ยางในสต๊อก 2.08 แสนตัน ต้องบริหารให้เป็นสต๊อกเคลื่อนที่ (Moving Stock) ทั้งการขายเพื่อส่งออกต่างประเทศ การนำมาใช้ในประเทศ และการซื้อเก็บสต๊อกเพื่อรอจังหวะขายช่วงได้ราคาดี เวลานี้ในส่วนของต่างประเทศได้มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วหลายหมื่นตัน


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายสุเมธ ทิพชาติโยธิน หุ้นส่วนและกรรมการ บจก.ยี่ฟังเหลียน เพื่อสอบถามว่าได้รับหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาจาก อ.ส.ย.หรือยัง? นายสุเมธระบุเพียงว่าสัญญายกเลิกไม่ได้เพราะเป็นสัญญาระดับชาติที่มีผลต่อชื่อเสียงทั้งของบริษัท และของอ.ส.ย. ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะนี้ทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ในเรื่องนี้ทางบริษัทจะเจรจากับทางอ.ส.ย.อีกครั้ง


ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติแนวทางการแก้ไขปัญหายางพารา ตามมติของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ซึ่งหนึ่งในแนวทางคือ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยอ.ส.ย.จะใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการรับซื้อยางในราคาชี้นำตลาดสู่ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท/กิโลกรัม (ยางแผ่นรมควันชั้น 3) วงเงิน 6 พันล้านบาทในระยะเวลา 18 เดือน


ล่าสุดนายชนะชัย ผู้อำนวยการ อ.ส.ย.เปิดเผยว่า คาดในสัปดาห์นี้ จะสามารถลงนามกู้เงินจาก ธ.ก.ส.เพื่อรับซื้อยางได้ ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การซื้อขายยางในราคาชี้นำตลาดที่มีอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นประธาน และมีผู้แทนจากสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ โดยมีอ.ส.ย.เป็นเลขานุการคณะกรรมการจะมีการหารือในรายละเอียดแนวทางในการดำเนินโครงการมูลภัณฑ์ กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง เพื่อสรุปเงื่อนไขหลักเกณฑ์ต่างๆ มีเป้าหมายจะนำเสนอต่อครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติในสัปดาห์หน้า คาดจะสามารถซื้อยางในราคาชี้นำตลาดผ่านตลาดกลางยางพาราทั่วประเทศได้จริง เริ่มตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนนี้






Souce: ฐานเศรษฐกิจ