ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กันยายน 30, 2014, 12:30:38 PM »คำถาม เรื่องยาง 2.1 แสนตันใน "สต๊อก" ราคายาง ปัจจุบัน
ข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งในท่ามกลางการถกเถียงเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาราคายางพาราที่รูดมหาราชลงมาถึงกิโลกรัมละ 48 บาท ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 50 บาท เรียบร้อยแล้ว คือ ข่าวการระบายสต๊อกยางที่มีอยู่จำนวน 2.1 แสนตัน โดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ให้กับบริษัทสัญชาติสิงคโปร์บริษัทหนึ่ง
ข่าวนี้ยังไม่มี "บทสรุป" ที่ว่ายังไม่มีบทสรุปเพราะว่า 1 การแถลงเป็นลำดับมาโดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) การระบายได้ดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 1 แสนตัน เป็นการระบายตามมติของ "คสช." ขณะ เดียวกัน 1 มีข่าวจากปาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับงานด้านเศรษฐกิจว่าจะไม่ยอมให้มีการระบายยางจาก สต๊อกของรัฐบาลโดยเด็ดขาด
คำถามก็คือ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
กล่าวสำหรับในแวดวงของผลิตภัณฑ์ยางพารา ข่าวการระบายยางจากสต๊อกของรัฐบาลโดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) นั้นมีมานานแล้ว ท่าทีของ อ.ส.ย. นั้นต้องการ "ระบาย" และยืนหยัดในแนวทางนี้ ขณะเดียวกัน หากศึกษาท่าทีของเกษตรกรชาวสวนยางไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคใต้ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
ถึงกับมีการฟ้องร้องไปยัง "ศาลปกครอง" ด้วยซ้ำ ยิ่ง กว่านั้น ท่าทีล่าสุดจากกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ภาคใต้ ซึ่งสัมพันธ์อยู่กับเกษตรกรชาวสวนยางอย่างแนบแน่นได้ออกมายื่นข้อเสนอแนะ มาตรการแก้ไขปัญหาราคายาง ข้อแรกที่สุดก็คือ ไม่เห็นด้วยกับการระบายยางในสต๊อกของรัฐบาล
คำถามก็คือ ตกลงรัฐบาลมี "นโยบาย" ในเรื่องนี้อย่างไร
หากจับความจากการแถลงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานเข้ากับการแถลงขององค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เด่นชัดว่า การระบายยางดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยที่สุด จากจำนวนยางในสต๊อกรัฐบาลทั้งหมด 2.1 แสนตัน ก็มีจำนวน 1 แสนตัน ได้ผ่านการระบายไปแล้วยังรอก็แต่การส่งมอบเท่านั้น เป็นอันว่าเหลือยางในสต๊อกรัฐบาล 1.1 แสนตัน
ถาม ว่ายางที่ระบายไปแล้ว 1 แสนตัน ให้กับบริษัทเอกชนจากสิงคโปร์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะมีผลสะเทือนต่อตลาดยางภายในประเทศอย่างไร เป็นคำถามถึงรัฐบาล ถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น่าเห็นใจคสช.อย่างยิ่ง น่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างยิ่งที่เข้ามาในห้วงวิกฤตยาง คำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะตรึงมิให้ราคาหล่นจากกิโลกรัมละ 50 บาท ก็ประสบปัญหาแล้ว เพราะราคาได้รูดลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 48 บาทเรียบร้อยบริบูรณ์ หากมีการระบายยางออกโอกาสที่ราคายางจะยิ่งเป๋ก็มีสูงยิ่ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด (วันที่ 29 กันยายน 2557)
ข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งในท่ามกลางการถกเถียงเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาราคายางพาราที่รูดมหาราชลงมาถึงกิโลกรัมละ 48 บาท ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 50 บาท เรียบร้อยแล้ว คือ ข่าวการระบายสต๊อกยางที่มีอยู่จำนวน 2.1 แสนตัน โดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ให้กับบริษัทสัญชาติสิงคโปร์บริษัทหนึ่ง
ข่าวนี้ยังไม่มี "บทสรุป" ที่ว่ายังไม่มีบทสรุปเพราะว่า 1 การแถลงเป็นลำดับมาโดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) การระบายได้ดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 1 แสนตัน เป็นการระบายตามมติของ "คสช." ขณะ เดียวกัน 1 มีข่าวจากปาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับงานด้านเศรษฐกิจว่าจะไม่ยอมให้มีการระบายยางจาก สต๊อกของรัฐบาลโดยเด็ดขาด
คำถามก็คือ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
กล่าวสำหรับในแวดวงของผลิตภัณฑ์ยางพารา ข่าวการระบายยางจากสต๊อกของรัฐบาลโดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) นั้นมีมานานแล้ว ท่าทีของ อ.ส.ย. นั้นต้องการ "ระบาย" และยืนหยัดในแนวทางนี้ ขณะเดียวกัน หากศึกษาท่าทีของเกษตรกรชาวสวนยางไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคใต้ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
ถึงกับมีการฟ้องร้องไปยัง "ศาลปกครอง" ด้วยซ้ำ ยิ่ง กว่านั้น ท่าทีล่าสุดจากกลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ภาคใต้ ซึ่งสัมพันธ์อยู่กับเกษตรกรชาวสวนยางอย่างแนบแน่นได้ออกมายื่นข้อเสนอแนะ มาตรการแก้ไขปัญหาราคายาง ข้อแรกที่สุดก็คือ ไม่เห็นด้วยกับการระบายยางในสต๊อกของรัฐบาล
คำถามก็คือ ตกลงรัฐบาลมี "นโยบาย" ในเรื่องนี้อย่างไร
หากจับความจากการแถลงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานเข้ากับการแถลงขององค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เด่นชัดว่า การระบายยางดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยที่สุด จากจำนวนยางในสต๊อกรัฐบาลทั้งหมด 2.1 แสนตัน ก็มีจำนวน 1 แสนตัน ได้ผ่านการระบายไปแล้วยังรอก็แต่การส่งมอบเท่านั้น เป็นอันว่าเหลือยางในสต๊อกรัฐบาล 1.1 แสนตัน
ถาม ว่ายางที่ระบายไปแล้ว 1 แสนตัน ให้กับบริษัทเอกชนจากสิงคโปร์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะมีผลสะเทือนต่อตลาดยางภายในประเทศอย่างไร เป็นคำถามถึงรัฐบาล ถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น่าเห็นใจคสช.อย่างยิ่ง น่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างยิ่งที่เข้ามาในห้วงวิกฤตยาง คำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะตรึงมิให้ราคาหล่นจากกิโลกรัมละ 50 บาท ก็ประสบปัญหาแล้ว เพราะราคาได้รูดลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 48 บาทเรียบร้อยบริบูรณ์ หากมีการระบายยางออกโอกาสที่ราคายางจะยิ่งเป๋ก็มีสูงยิ่ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด (วันที่ 29 กันยายน 2557)