ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กันยายน 29, 2014, 02:52:41 PM »กวก. "ใช้งานวิจัยแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ยก'ยางพารา'สินค้าเร่งด่วนลดค้างสต็อก
29 ก.ย.57 นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา YEAR END 2557 ภายใต้หัวข้อ "คืนความสุขให้เกษตรกรไทย ด้วยงานวิจัยและพัฒนา"ของกรมวิชาการเกษตรพร้อมทั้งมอบแนวนโยบายการทำงานให้กับกรมวิชาการเกษตร โดยกล่าวว่า งานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรถือเป็นผลผลิตที่สำคัญ และได้รับการยอมรับในระดับสากล จากที่เคยได้รับการเสนอชื่องานวิจัยเข้าชิงในสาขาพืชจากรางวัลโนเบล ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรจะต้องนำจุดแข็งดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำงานวิจัยมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งการช่วยแก้ไขปัญหาในระยะ เร่งด่วน ปานกลางและระยะยาว
สำหรับแนวทางนโยบายที่มอบให้แก่กรมวิชาการรับไปดำเนินการเบ่งเป็น 2 แนวทาง
1.การวิจัยพัฒนาในเชิงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่กำลังมีปัญหา เช่น กรณีปัญหายางพาราในสต็อก [/color]กรมวิชาการเกษตร ควรจะคิดค้นเทคโนโลยีการแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือใช้ยางเป็นวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น มากกว่าการสร้างถนนซึ่งใช้ปริมาณยางเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นงานวิจัยเร่งด่วนที่[/font]กรมวิชาการเกษตร[/font]จะสามารถพัฒนาต่อยอดงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับรัฐบาลได้ โดยจะต้องใช้ สินค้าเกษตรในประเทศให้มากขึ้น
2 .ชุดวิจัยเพื่อการแก้ไขปัญหาให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว อาทิ งานวิจัยเพื่อยืดอายุผลผลิตสินค้าเกษตรให้เก็บได้นานขึ้นซึ่งจะเอื้อต่อการส่งออกของประเทศ หรืองานวิจัยที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการวิจัยเพื่อแปรรูปพืชเป็นพลังงานให้มากขึ้นในเครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร
"ทั้งสองแนวทางดังกล่าวนี้หากเกิดขึ้นจริง และปฏิบัติได้จริงชัดเจนเป็นรูปธรรมได้เร็วเท่าไหร่จะทำให้การทำงานของกรมวิชาการเกษตรตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรให้แก่รัฐบาลและประเทศมากขึ้น นอกเหนือจากนวัตกรรมต่างๆ ที่กรมวิชาการเกษตรดำเนินการอยู่" นายปีติพงศ์ กล่าว
ส่วนการกำหนดพื้นที่ เพาะปลูกสินค้าเกษตรฯ หรือ โซนนิ่งด้วยว่า แนวทางดังกล่าวเป็นเพียง การปรับพื้นที่การผลิตสินค้าเกษตรฯให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ดิน และสภาพทางภูมิศาตร์ เพื่อให้ได้ผลิตที่มีความเหมาะสมเท่านั้น ไม่ได้ เลิกการปลูกพืชผลทางการเกษตรหรือ จ้าง เลิกอาชีพการทำเกษตร ซึ่งจะต้องมีตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าให้มีความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อเกษตรกรให้มากที่สุด
ที่มา [/font][/size]หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 29 กันยายน 2557)
29 ก.ย.57 นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา YEAR END 2557 ภายใต้หัวข้อ "คืนความสุขให้เกษตรกรไทย ด้วยงานวิจัยและพัฒนา"ของกรมวิชาการเกษตรพร้อมทั้งมอบแนวนโยบายการทำงานให้กับกรมวิชาการเกษตร โดยกล่าวว่า งานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรถือเป็นผลผลิตที่สำคัญ และได้รับการยอมรับในระดับสากล จากที่เคยได้รับการเสนอชื่องานวิจัยเข้าชิงในสาขาพืชจากรางวัลโนเบล ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรจะต้องนำจุดแข็งดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำงานวิจัยมาช่วยแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งการช่วยแก้ไขปัญหาในระยะ เร่งด่วน ปานกลางและระยะยาว
สำหรับแนวทางนโยบายที่มอบให้แก่กรมวิชาการรับไปดำเนินการเบ่งเป็น 2 แนวทาง
1.การวิจัยพัฒนาในเชิงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่กำลังมีปัญหา เช่น กรณีปัญหายางพาราในสต็อก [/color]กรมวิชาการเกษตร ควรจะคิดค้นเทคโนโลยีการแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือใช้ยางเป็นวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น มากกว่าการสร้างถนนซึ่งใช้ปริมาณยางเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นงานวิจัยเร่งด่วนที่[/font]กรมวิชาการเกษตร[/font]จะสามารถพัฒนาต่อยอดงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับรัฐบาลได้ โดยจะต้องใช้ สินค้าเกษตรในประเทศให้มากขึ้น
2 .ชุดวิจัยเพื่อการแก้ไขปัญหาให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและระยะยาว อาทิ งานวิจัยเพื่อยืดอายุผลผลิตสินค้าเกษตรให้เก็บได้นานขึ้นซึ่งจะเอื้อต่อการส่งออกของประเทศ หรืองานวิจัยที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการวิจัยเพื่อแปรรูปพืชเป็นพลังงานให้มากขึ้นในเครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร
"ทั้งสองแนวทางดังกล่าวนี้หากเกิดขึ้นจริง และปฏิบัติได้จริงชัดเจนเป็นรูปธรรมได้เร็วเท่าไหร่จะทำให้การทำงานของกรมวิชาการเกษตรตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรให้แก่รัฐบาลและประเทศมากขึ้น นอกเหนือจากนวัตกรรมต่างๆ ที่กรมวิชาการเกษตรดำเนินการอยู่" นายปีติพงศ์ กล่าว
ส่วนการกำหนดพื้นที่ เพาะปลูกสินค้าเกษตรฯ หรือ โซนนิ่งด้วยว่า แนวทางดังกล่าวเป็นเพียง การปรับพื้นที่การผลิตสินค้าเกษตรฯให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ดิน และสภาพทางภูมิศาตร์ เพื่อให้ได้ผลิตที่มีความเหมาะสมเท่านั้น ไม่ได้ เลิกการปลูกพืชผลทางการเกษตรหรือ จ้าง เลิกอาชีพการทำเกษตร ซึ่งจะต้องมีตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าให้มีความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อเกษตรกรให้มากที่สุด
ที่มา [/font][/size]หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 29 กันยายน 2557)