ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กันยายน 01, 2014, 02:41:17 PM »ชาวสวนร้องลดราคาปุ๋ยเคมี น้ำส้มยางแก้ปัญหาระยะสั้น
ชาว สวนยางเดือดร้อนหนัก ร้องรัฐช่วยลดราคาปัจจัยการผลิต ทั้งปุ๋ยเคมี น้ำส้มกรดฟอร์มิก-ซัลฟุริกอีก 30-50% แก้ปัญหาระยะสั้น ชี้การเร่งระบายยางในสต๊อกของรัฐ 2.1 แสนตันช่วงนี้ ถูกพ่อค้าคนกลางซ้ำเติมกดราคารับซื้อ
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ราคายางตกต่ำในช่วงนี้ว่า แม้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) มีมติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรและโรงงานแปรรูปยางทั่วประเทศใช้ในการซื้อ เครื่องจักรหรือปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มมูลค่ายางพารา รวมทั้งเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อยางเก็บเข้าสต๊อกแล้วรอขายในช่วงราคาดี นั้นถือเป็นมาตรการระยะกลางและระยะยาว แต่ในระยะสั้น
อยากจะขอให้รัฐ ช่วยลดราคาปัจจัยการผลิตลงมาอาทิ ปุ๋ยเคมี ควรลดลงจากปัจจุบัน 30% เช่น สูตร 30-15-10 สำหรับยางที่เปิดกรีดแล้ว จากกระสอบละประมาณ 1,000 บาท ลงมาเหลือกระสอบละ 700 บาท (ขนาด 50 กก.) น้ำส้มกรดฟอร์มิก
และน้ำ ส้มกรดซัลฟุริกที่ใช้ในการแปรรูปยางเบื้องต้นควรลดราคาลง 50% รวมทั้งส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่จะช่วยลดต้นทุนได้ถึง 50% ทั้งนี้เพื่อช่วยชาวสวนยางลดต้นทุนการผลิตทั้งระบบนอกจากนี้ควรช่วยชาวสวน
เปลี่ยน พันธุ์ใหม่ที่กรมวิชาการเกษตรรับรองว่าให้ผลผลิตต่อไร่สูง 470-500 กก./ไร่/ปีได้แก่ พันธุ์ RRIT 408 และ RRIT 251 จากปัจจุบันที่ 270 กก./ไร่/ปี
ส่วนกรณีที่รัฐจะระบายยางในสต๊อก 2.1 แสนตันให้ผู้ส่งออกรายใหญ่นั้น นายบุญส่งกล่าวว่า ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ราคายางแผ่นดิบที่พ่อค้คนกลางรับซื้อ กดราคาเหลือ กก.ละ 47 บาท จากเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กก.ละ 50 บาทเศษ ทั้งที่ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวสวนยางได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองให้ระงับการขายยางไว้ก่อนในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค. 2557 เพราะเป็นช่วงเปิดกรีดยางของชาวสวน ซึ่งศาลได้สั่งระงับการขายไว้ชั่วคราวก่อนแล้ว การที่กระทรวงเกษตรฯและองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) จะระบายอีกครั้ง จึงเป็นการซ้ำเติมชาวสวน อย่างไรก็ตาม การที่ศาลปกครองเรียกทั้ง 2 ฝ่ายไปสืบและให้องค์การสวนยาง (อสย.) นำเอกสารของมติใหม่ของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่จะให้ขายยางครั้งล่าสุดมาประกอบยื่นต่อศาลให้ครบถ้วน ทำให้ราคายางแผ่นดิบในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค.ที่ผ่านมาไม่ไหลลงจากเดิมอีก แต่เรื่องนี้ยังต้องจับตาดูต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 29 สิงหาคม 2557)
ชาว สวนยางเดือดร้อนหนัก ร้องรัฐช่วยลดราคาปัจจัยการผลิต ทั้งปุ๋ยเคมี น้ำส้มกรดฟอร์มิก-ซัลฟุริกอีก 30-50% แก้ปัญหาระยะสั้น ชี้การเร่งระบายยางในสต๊อกของรัฐ 2.1 แสนตันช่วงนี้ ถูกพ่อค้าคนกลางซ้ำเติมกดราคารับซื้อ
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ราคายางตกต่ำในช่วงนี้ว่า แม้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) มีมติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรและโรงงานแปรรูปยางทั่วประเทศใช้ในการซื้อ เครื่องจักรหรือปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มมูลค่ายางพารา รวมทั้งเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อยางเก็บเข้าสต๊อกแล้วรอขายในช่วงราคาดี นั้นถือเป็นมาตรการระยะกลางและระยะยาว แต่ในระยะสั้น
อยากจะขอให้รัฐ ช่วยลดราคาปัจจัยการผลิตลงมาอาทิ ปุ๋ยเคมี ควรลดลงจากปัจจุบัน 30% เช่น สูตร 30-15-10 สำหรับยางที่เปิดกรีดแล้ว จากกระสอบละประมาณ 1,000 บาท ลงมาเหลือกระสอบละ 700 บาท (ขนาด 50 กก.) น้ำส้มกรดฟอร์มิก
และน้ำ ส้มกรดซัลฟุริกที่ใช้ในการแปรรูปยางเบื้องต้นควรลดราคาลง 50% รวมทั้งส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่จะช่วยลดต้นทุนได้ถึง 50% ทั้งนี้เพื่อช่วยชาวสวนยางลดต้นทุนการผลิตทั้งระบบนอกจากนี้ควรช่วยชาวสวน
เปลี่ยน พันธุ์ใหม่ที่กรมวิชาการเกษตรรับรองว่าให้ผลผลิตต่อไร่สูง 470-500 กก./ไร่/ปีได้แก่ พันธุ์ RRIT 408 และ RRIT 251 จากปัจจุบันที่ 270 กก./ไร่/ปี
ส่วนกรณีที่รัฐจะระบายยางในสต๊อก 2.1 แสนตันให้ผู้ส่งออกรายใหญ่นั้น นายบุญส่งกล่าวว่า ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ราคายางแผ่นดิบที่พ่อค้คนกลางรับซื้อ กดราคาเหลือ กก.ละ 47 บาท จากเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กก.ละ 50 บาทเศษ ทั้งที่ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวสวนยางได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองให้ระงับการขายยางไว้ก่อนในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค. 2557 เพราะเป็นช่วงเปิดกรีดยางของชาวสวน ซึ่งศาลได้สั่งระงับการขายไว้ชั่วคราวก่อนแล้ว การที่กระทรวงเกษตรฯและองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) จะระบายอีกครั้ง จึงเป็นการซ้ำเติมชาวสวน อย่างไรก็ตาม การที่ศาลปกครองเรียกทั้ง 2 ฝ่ายไปสืบและให้องค์การสวนยาง (อสย.) นำเอกสารของมติใหม่ของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่จะให้ขายยางครั้งล่าสุดมาประกอบยื่นต่อศาลให้ครบถ้วน ทำให้ราคายางแผ่นดิบในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค.ที่ผ่านมาไม่ไหลลงจากเดิมอีก แต่เรื่องนี้ยังต้องจับตาดูต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 29 สิงหาคม 2557)