ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2014, 12:41:45 PM »

พณ. ชี้ยางพาราล้นตลาด คาดราคาครึ่งปีหลังขาลง

ดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ส.ค. 2557 15:23


ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า กระทบราคายางพาราร่วง แนะเกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่น หารายได้เสริม...


นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 (ม.ค.-มิ.ย.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวสูงสุดในช่วงต้นปี 2554 ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิตกลุ่มสินค้ายางพารา หมวดผลผลิตเกษตรกรรม ดัชนีราคาลดลง 20.2% นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยางพารา (ยางแผ่นรมควัน และยางแท่ง) หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมราคาปรับลดลงเช่นกัน โดยลดลง 12.7%   


ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคายางพารามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผลผลิตยางธรรมชาติของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2556 มีปริมาณผลผลิตถึง 3.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปริมาณผลผลิตของไทยมีสัดส่วนสูงที่สุดในโลกถึง 31.6% และประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีสัดส่วนปริมาณผลผลิตสูงเช่นกัน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวช้าบางประเทศเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวและมีความเปราะบาง รวมถึงประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น จากวิกฤติเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการยางพาราของตลาดโลกลดลง และเกิดปัญหาสต๊อกยางพาราอีกด้วย


นอกจากนี้ การเก็งกำไรในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการขยายพื้นที่ปลูกของประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของไทย ส่งผลต่อราคายางพาราเช่นกัน ทั้งนี้ คาดว่าราคายางพาราในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 ยังคงปรับตัวลดลงจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มลดลง


ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา และช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติเงินจำนวนกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้แก่ชาวสวนยางพาราทั่วประเทศ แต่เป็นการแก้ปัญหาเพียงระยะสั้นเท่านั้น.


อย่างไรก็ตาม ภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรจำเป็นต้องร่วมมือกัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ ภาครัฐควรส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ยางพาราในประเทศมากขึ้น คิดค้น พัฒนาและวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมสำหรับยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมปลายน้ำ และเกษตรกรจะต้องปรับตัวโดยการลดต้นทุนการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด ปลูกพืชชนิดอื่นเสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม ตลอดจนลดการสร้างหนี้ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถประกอบชีพได้อย่างมั่นคงและมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว.