ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 10, 2014, 08:55:51 AM »


สกย.เตือนเกษตรกรพื้นที่ปลูก?ยาง?ใหม่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมเคมีลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต


นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รักษาการ ผ.อ.สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ปลูกยางใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ หลายพื้นที่ได้เปิดกรีดแล้ว และอีกหลายพื้นที่กำลังจะเปิดกรีด ในขณะที่ราคายางยังทรงตัวประมาณ 60-65 บาทต่อกิโลกรัม  ดังนั้นเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน เกษตรกรจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาสวนยาง และลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม คือ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี โดยใช้ควบคู่กับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะนอกจากจะลดต้นทุนการผลิตได้แล้ว ยังทำให้ผลผลิตน้ำยางเพิ่มขึ้นอีกด้วย


?แม้การใส่ปุ๋ยเคมีจะมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และเพิ่มผลผลิตของยางพาราก็ตาม แต่เนื่องจากในการกรีดยาง นอกจากธาตุอาหารหลัก คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม  จะสูญเสียไปกับน้ำยางแล้ว ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมบางอย่าง เช่น กำมะถัน แมงกานีส สังกะสี เหล็ก ทองแดง โบรอน และโมลิบดินัม ก็สูญเสียไปด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วธาตุอาหารเหล่านี้จะมีน้อยหรือแทบจะไม่มีในปุ๋ยเคมี แต่จะพบธาตุอาหารเหล่านี้ในปุ๋ยอินทรีย์ ดังนั้น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี จึงมีความจำเป็นต่อการเพิ่มการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตยางอย่างยั่งยืน และเป็นแนวทางในการช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้? นายประสิทธิ์ กล่าวและว่า เกษตรกรสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยเคมีควบคู่กับปุ๋ยอินทรีย์ได้จากครูยาง หรือเกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรมในพื้นที่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ สกย.ทั่วประเทศ


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 10 มิถุนายน 2557)