ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2014, 08:02:05 PM »ชาวสวนยางทั่วประเทศบุกกรุง 7 พ.ค. จี้รัฐบาลหยุดเทขายสต๊อกยาง 2.2 แสนตัน
วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:50:58 น.
วันที่ 3 พฤษภาคม 57 นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ด องค์การสวนยาง( อสย.)ได้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ อสย.เพื่อบริหารจัดการยางพาราในสต็อกให้มีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระกับงบประมาณรัฐบาล โดยจะมีการเตรียมเทขายยางในสต็อกรัฐบาลที่แทรกแซงเมื่อปี 2556 ปริมาณ 2.2 แสนตัน จะสร้างความเดือดร้อนกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางอย่างรุนแรง
นายอุทัย กล่าวว่า การนำยางในสต็อกออกขายในขณะนี้จะขาดทุนทันที เนื่องจากขายถูกไม่เกินกิโลกรัมละ 40-50 บาทจากการหักเปอร์เซ็นต์เชื้อราและรูปทรง(มิสเชส) ซึ่งเชื่อได้ว่า ถ้าขายหมดสต็อกจะได้คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 10,000 ล้านบาทแน่นอน ขณะที่ต้นทุนจากการแทรกแซงราคายางเมื่อปี 2556 ที่กิโลกรัมละ120 บาทคิดเป็นมูลค่า 25,000 ล้านบาท รวมกับค่าบริหารจัดการทั้งค่ารมควัน , ค่าอัดก้อน , ค่าเช่าโกดัง และค่าประกันภัยอีก 15,000 ล้านบาท รวมไปทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท
สมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นหนังสือถึง ปปช.และ สตง.ให้เร่งตรวจสอบการเทขายยาง สต๊อกอย่างเร่งด่วน เพราะส่อเค้าความไม่โปร่งใสและเกรงจะมีวาระซ่อนเร้นเนื่องจากราคาที่จะขายต่ำกว่าต้นทุนเท่ากับจะยิ่งกดราคาลงไปอีก ทั้งที่ควรจะมีมูลค่ามากกว่านี้และสวนทางนโยบายรัฐบาลสมัยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรที่แทรกแซงราคาไว้กิโลกรัมละ 120 บาท นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวและว่า ความต้องการใช้ยางของจีนเดือนละ 3 แสนตันโกดังยางที่ชิงเต่าของไทยน่าจะถูกระบายขายได้ก่อนแทนที่จะนำยางไทยในสต็อกไปขาย เพราะขณะนี้เป็นช่วงราคายางขาลงจึงไม่สมเหตุสมผลกับการกล่าวอ้างของรัฐบาลและดูเหมือนเป็นความจริงที่โกหก โดยตั้งข้อสังเกตุเป็นเรื่องไม่ปกติที่รัฐบาลจะเอายางในสต็อกออกมาขาย
นายอุทัย กล่าวอีกว่า มองว่ารัฐบาลกำลังจะหมดอำนาจเลยถือโอกาสเทขายยางสวนทางกับที่เคยแทรกแซงพยุงราคา ถือเป็นการเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า เนื่องจากการประชุมยางพาราที่ จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 30 เม.ย 57 ผอ.อสย.ได้เข้าประชุมด้วยและได้ข้อสรุปยังไม่ควรขาย แต่เพียงข้ามคืนกลับมาแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาขายยางในสต๊อกอย่างเร่งด่วน
ด้านนายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 7 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ สมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย , สมาคมชาวสวนยางและชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางจากตัวประเทศ นัดรวมตัวจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปยื่นหนังสือให้ยับยั้งการเทขายสต๊อกยาง โดยรัฐบาลควรจะฟังเสียงจากเกษตรกรชาวสวนยางบ้าง ซึ่งการเทขายยางรอบนี้จะซ้ำเติมชาวสวนยางอย่างหนักเพราะตรงกับช่วงที่ผลผลิตยางรอบใหม่ที่ชาวสวนเพิ่งเปิดกรีดเมื่อกลางเดือนเมษายนพอดีด้วย
จึงดูไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบเทขายที่จะยิ่งพาราคาดิ่งลงไปอีก อาจจะได้เห็นราคายางเหลือ 3 หรือ 4 กิโลกรัมต่อ 100 บาทก็เป็นได้ จึงไม่พ้นที่จะถูกมองว่าการเมืองมีอะไรแอบแฝงเกิดการกดราคาชาวสวนยางให้นายทุนซื้อยางได้ในราคาถูกๆแทนที่จะช่วยชาวสวนเท่ากับว่าปล่อยให้ลอยคอตายกลางทะเล จึงขอรัฐบาลทบทวนให้รอบคอบ" นายบุญส่ง กล่าว
ที่มา: matichon online
วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:50:58 น.
วันที่ 3 พฤษภาคม 57 นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ด องค์การสวนยาง( อสย.)ได้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ อสย.เพื่อบริหารจัดการยางพาราในสต็อกให้มีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระกับงบประมาณรัฐบาล โดยจะมีการเตรียมเทขายยางในสต็อกรัฐบาลที่แทรกแซงเมื่อปี 2556 ปริมาณ 2.2 แสนตัน จะสร้างความเดือดร้อนกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางอย่างรุนแรง
นายอุทัย กล่าวว่า การนำยางในสต็อกออกขายในขณะนี้จะขาดทุนทันที เนื่องจากขายถูกไม่เกินกิโลกรัมละ 40-50 บาทจากการหักเปอร์เซ็นต์เชื้อราและรูปทรง(มิสเชส) ซึ่งเชื่อได้ว่า ถ้าขายหมดสต็อกจะได้คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 10,000 ล้านบาทแน่นอน ขณะที่ต้นทุนจากการแทรกแซงราคายางเมื่อปี 2556 ที่กิโลกรัมละ120 บาทคิดเป็นมูลค่า 25,000 ล้านบาท รวมกับค่าบริหารจัดการทั้งค่ารมควัน , ค่าอัดก้อน , ค่าเช่าโกดัง และค่าประกันภัยอีก 15,000 ล้านบาท รวมไปทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท
สมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นหนังสือถึง ปปช.และ สตง.ให้เร่งตรวจสอบการเทขายยาง สต๊อกอย่างเร่งด่วน เพราะส่อเค้าความไม่โปร่งใสและเกรงจะมีวาระซ่อนเร้นเนื่องจากราคาที่จะขายต่ำกว่าต้นทุนเท่ากับจะยิ่งกดราคาลงไปอีก ทั้งที่ควรจะมีมูลค่ามากกว่านี้และสวนทางนโยบายรัฐบาลสมัยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรที่แทรกแซงราคาไว้กิโลกรัมละ 120 บาท นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวและว่า ความต้องการใช้ยางของจีนเดือนละ 3 แสนตันโกดังยางที่ชิงเต่าของไทยน่าจะถูกระบายขายได้ก่อนแทนที่จะนำยางไทยในสต็อกไปขาย เพราะขณะนี้เป็นช่วงราคายางขาลงจึงไม่สมเหตุสมผลกับการกล่าวอ้างของรัฐบาลและดูเหมือนเป็นความจริงที่โกหก โดยตั้งข้อสังเกตุเป็นเรื่องไม่ปกติที่รัฐบาลจะเอายางในสต็อกออกมาขาย
นายอุทัย กล่าวอีกว่า มองว่ารัฐบาลกำลังจะหมดอำนาจเลยถือโอกาสเทขายยางสวนทางกับที่เคยแทรกแซงพยุงราคา ถือเป็นการเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า เนื่องจากการประชุมยางพาราที่ จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 30 เม.ย 57 ผอ.อสย.ได้เข้าประชุมด้วยและได้ข้อสรุปยังไม่ควรขาย แต่เพียงข้ามคืนกลับมาแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาขายยางในสต๊อกอย่างเร่งด่วน
ด้านนายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 7 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ สมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย , สมาคมชาวสวนยางและชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางจากตัวประเทศ นัดรวมตัวจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปยื่นหนังสือให้ยับยั้งการเทขายสต๊อกยาง โดยรัฐบาลควรจะฟังเสียงจากเกษตรกรชาวสวนยางบ้าง ซึ่งการเทขายยางรอบนี้จะซ้ำเติมชาวสวนยางอย่างหนักเพราะตรงกับช่วงที่ผลผลิตยางรอบใหม่ที่ชาวสวนเพิ่งเปิดกรีดเมื่อกลางเดือนเมษายนพอดีด้วย
จึงดูไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบเทขายที่จะยิ่งพาราคาดิ่งลงไปอีก อาจจะได้เห็นราคายางเหลือ 3 หรือ 4 กิโลกรัมต่อ 100 บาทก็เป็นได้ จึงไม่พ้นที่จะถูกมองว่าการเมืองมีอะไรแอบแฝงเกิดการกดราคาชาวสวนยางให้นายทุนซื้อยางได้ในราคาถูกๆแทนที่จะช่วยชาวสวนเท่ากับว่าปล่อยให้ลอยคอตายกลางทะเล จึงขอรัฐบาลทบทวนให้รอบคอบ" นายบุญส่ง กล่าว
ที่มา: matichon online